Commodity Channel Index คืออะไร วิธีใช้เทรด

ความเป็นมา Commodity Channel Index (CCI)

CCI ใช้เพื่อระบุแนวโน้มใหม่หรือเตือนสภาวะที่รุนแรง ในขั้นต้น CCI ได้รับการพัฒนาโดย Donald Lambert สำหรับสินค้าโภคภัณฑ์ แต่หลังจากนั้นได้ถูกนำไปใช้กับประเภทสินทรัพย์อื่น ๆ รวมถึง Forex

Commodity Channel Index (CCI) เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่พัฒนาโดย Donald Lambert นักเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ในปี 1980 แม้ว่าจะมีคำว่า “commodity” ในชื่อ แต่ CCI สามารถใช้ได้ในตลาดการเงินทั้งหมด รวมถึง forex สินค้าโภคภัณฑ์ หุ้นและดัชนี

โดนัลด์ แลมเบิร์ตเริ่มสร้าง CCI เพื่อระบุการเปลี่ยนแปลงตามวัฏจักรของสินค้าโภคภัณฑ์ แนวคิดหลักที่อยู่เบื้องหลังIndicatorนี้คือสินค้าโภคภัณฑ์ (หรือตราสารทางการเงินใดๆ) เคลื่อนไหวเป็นวัฏจักร โดยมีจุดสูงสุดและต่ำสุดเป็นช่วงเวลา เป้าหมายของ Lambert คือการระบุช่วงเวลาของวัฏจักรเหล่านี้เพื่อช่วยให้นักเทรดได้กำไรสูงสุดโดยการทำความเข้าใจว่าเมื่อใดที่แนวโน้มอาจถึงจุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุด

CCI วัดว่าราคาของสินทรัพย์แตกต่างจากค่าเฉลี่ยทางสถิติมากน้อยเพียงใด ซึ่งจะช่วยในการกำหนดระดับการซื้อมากเกินไปและการขายมากเกินไป การวัดจะพิจารณาทั้งทิศทางและความแข็งแกร่งของการเปลี่ยนแปลงราคา โดยกำหนดเส้นเดียวที่แกว่งไปมาเหนือและใต้เส้นศูนย์

เมื่อเวลาผ่านไป การใช้ CCI ได้ขยายออกไปนอกเหนือสินค้าโภคภัณฑ์ และปัจจุบันมีการใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับหุ้น ฟอเร็กซ์ และเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ ใช้ในกลยุทธ์การซื้อขายที่หลากหลายและเป็นที่นิยมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่นักเทรดที่ต้องการระบุเงื่อนไขการซื้อมากเกินไปและการขายมากเกินไป การกลับตัวของแนวโน้ม และเพื่อยืนยันความต่อเนื่องของแนวโน้ม

แม้ว่า CCI จะได้รับการพัฒนามานานกว่าสี่ทศวรรษแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นหนึ่งใน Indicator ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการวิเคราะห์ทางเทคนิคในปัจจุบัน ได้รับการยอมรับในด้านการใช้งานที่ครบมีประสิทธิภาพ และรวมอยู่ในคุณลักษณะมาตรฐานในแพลตฟอร์มการซื้อขายจำนวนมาก รวมถึง MetaTrader 4 (MT4)

Commodity Channel Index คืออะไร?

Commodity Channel Index (CCI) คือ Indicators ทางเทคนิคที่ใช้ในการประเมินทิศทางและความแข็งแกร่งของแนวโน้มราคาของสินทรัพย์เทียบกับราคาเฉลี่ยในช่วงเวลาที่ผ่านมา Indicatorนี้พัฒนาขึ้นเพื่อวิเคราะห์วัตถุดิบหรือสินค้าสำคัญ (commodities) แต่ในทางปฏิบัติ มันสามารถนำไปใช้กับทุกชนิดของสินทรัพย์ได้

CCI ช่วยให้ผู้เทรดเข้าใจภาวะการซื้อหรือขายมากเกินไปในตลาด และ CCI จะวัดระดับราคาปัจจุบันเทียบกับราคาเฉลี่ยเคลื่อนที่ (moving average) โดยคำนวณด้วยสูตรการคำนวณค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation) เพื่อที่จะวัดระดับการแปรปรวนของราคา

  • ค่าที่สูงกว่า 100 บ่งชี้ว่าสินทรัพย์ถูกซื้อเกินไป (overbought) และอาจจะเห็นราคาจากทิศทางนั้นลดลงในอนาคต
  • ค่าที่ต่ำกว่า -100 บ่งชี้ว่าสินทรัพย์ถูกขายเกินไป (oversold) และอาจจะมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวขึ้น

CCI ยังเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการคัดค้านการเปลี่ยนแปลงในแนวโน้มราคาและระบุการเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ จึงถือว่า CCI เป็น Oscillator ที่ยึดตาม Momentum ซึ่งใช้ เพื่อช่วยในการพิจารณาว่าเมื่อใดเครื่องมือการลงทุนกำลังเข้าสู่สภาวะถูกซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป นอกจากนี้ยังใช้เพื่อดูการกลับตัวของราคา การสุดขั้วของราคา และความแข็งแกร่งของเทรนด์ สิ่งนี้ทำได้โดยการวัดความสัมพันธ์ระหว่างราคากับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MA) หรือโดยเจาะจงกว่านั้นคือค่าเบี่ยงเบนปกติจากค่าเฉลี่ยนั้น

สูตรและการคำนวณ CCI

คำนวณตามขั้นตอนต่อไปนี้

  • CCI = (Typical Price – MA(Typical Price)) / (015 * Mean Deviation)

ในที่นี้

  • Typical Price หรือราคาปกติเฉลี่ย (TP) คำนวณโดย (High + Low + Close) / 3
  • MA(Typical Price) คือ เคลื่อนที่เฉลี่ย (Moving Average) ของราคาปกติเฉลี่ยที่คำนวณจากเที่ยวที่ผ่านมา
  • Mean Deviation คือ ค่าเฉลี่ยของการแตกต่างระหว่างราคาปกติเฉลี่ยและเคลื่อนที่เฉลี่ย (MA) ของราคาปกติเฉลี่ยที่คำนวณจากเที่ยวที่ผ่านมา
  • 015 คือ ค่าคงที่ที่ใช้สำหรับการปรับระดับ (scaling factor)
  • CCI มักจะถูกคำนวณด้วยช่วงเวลา 20 วัน เมื่อIndicatorไปในระดับ +100 หรือข้ามมัน แสดงว่าราคาอยู่ในภาวะ “เกินซื้อ” (overbought) และสามารถลดลงได้
  • ในขณะที่เมื่อIndicatorไปในระดับ -100 หรือข้ามมัน แสดงว่าราคาอยู่ในภาวะ “เกินขาย” (oversold) และสามารถขึ้นได้

 

การตั้งค่า CCI ในการใช้งาน

การใช้งาน CCI ในทั่วไปจะใช้วัดจากราคาปัจจุบันเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา นิยมใช้กันทั่วไปที่ (ค่า Default อยู่ที่ 20-period) โดยเป็น Indicator ที่มีส่วนผสมระหว่างค่าเฉลี่ย (ปกติ 20 วัน) กับส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเข้ามาในการคำนวณ

  • ช่วงที่ CCI มีค่าสูง หมายความว่า ราคาปัจจุบันนั้นอยู่ในระดับที่สูง เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยที่ผ่านมา
  • ช่วงที่ CCI มีค่าต่ำ หมายความว่า ราคาปัจจุบันนั้นอยู่ในระดับที่ต่ำ เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยที่ผ่านมา

ด้วยเหตุผลข้างบนจึงสามารถทำให้ใช้ในการวิเคราะห์ระดับ Overbought และ Oversold ของราคาได้ดี

CCI ตั้งค่า

วิธีใช้ Commodity Channel Index

เส้น CCI ตัดข้ามกับระดับขอบเขต

  • สัญญาณประเภทแรก และสำคัญที่สุดจาก Indicators คือการที่เส้น CCI เข้าสู่โซนซื้อมากเกินไป (สูงกว่า +100%) หรือขายมากเกินไป (ต่ำกว่า -100%) นั้นเอง

ตัวอย่างเช่น

  • หาก CCI ออกจากโซนขายมากเกินไป (-100%) มันก็จะเป็นสัญญาณที่จะเปิดคำสั่งซื้อขายในขาขึ้น
  • หาก CCI ออกจากโซนซื้อมากเกินไป (+100%) เป็นสัญญาณที่จะเปิดคำสั่งซื้อขายในขาลง

วิธีการเทรดโดยใช้ CCI

วิธีการเทรดโดยใช้ CCI

สามารถใช้ได้ 3 วิธีดังนี้

วิธีที่ 1 คือ ระดับการซื้อมากเกินไปและการขายมากเกินไป

ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค “การซื้อมากเกินไป” (overbought) และ “การขายมากเกินไป” (oversold) เป็นสถานะที่สำคัญซึ่งมีความหมายดังนี้

“การซื้อมากเกินไป” (Overbought): สถานะนี้บ่งชี้ว่าราคาของสินทรัพย์ได้รับการซื้อมากจนเกินกว่าความคุ้มค่าของมัน เมื่อสินทรัพย์อยู่ในสถานะ “overbought” นักลงทุนหลายคนจะคาดการณ์ว่าการขายหนักจะเกิดขึ้นและราคาของสินทรัพย์จะลดลง ในกรณีของ CCI หาก CCI เพิ่มขึ้นเหนือ +100 จะถือว่าสินทรัพย์อยู่ในสถานะ “overbought”

“การขายมากเกินไป” (Oversold): สถานะนี้บ่งชี้ว่าราคาของสินทรัพย์ได้รับการขายออกมากจนเกินกว่าความคุ้มค่าของมัน เมื่อสินทรัพย์อยู่ในสถานะ “oversold” นักลงทุนหลายคนจะคาดการณ์ว่าซื้อเข้าจะเกิดขึ้นและราคาของสินทรัพย์จะเพิ่มขึ้น ในกรณีของ CCI หาก CCI ลดลงต่ำกว่า -100 จะถือว่าสินทรัพย์อยู่ในสถานะ “oversold”

วิธีที่ 2 Divergence

“Divergence” (Divergence) คือ สภาพที่Indicatorทางเทคนิคและราคาของสินทรัพย์มีการเคลื่อนไหวที่ไม่สอดคล้องกัน ในการศึกษาการวิเคราะห์ทางเทคนิค Divergence มักจะถูกมองเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการกลับทิศทางของราคาหรือการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม

ในที่นี้ Divergence ที่เกิดขึ้น จากการที่ราคาถึงจุดสูงสุดใหม่ แต่ CCI ไม่ถึงจุดสูงสุดใหม่ หมายความว่า CCI ไม่ยืนยันราคาสูงใหม่ที่สินทรัพย์ถึง สภาพนี้เรียกว่า “Divergence -” (Negative Divergence) และมักจะถูกมองเป็นสัญญาณของการกลับตัวของราคา

วิธีที่ 3 การทะลุเส้นแนวโน้ม

การทะลุเส้นแนวโน้ม (Trendline Break) คือ เมื่อราคาหุ้นหรือสินทรัพย์สามารถผ่านเส้นแนวโน้มหรือเส้นราคาที่กำหนดโดยราคาที่สร้างขึ้นจากการเคลื่อนไหวในอดีต

เมื่อใช้ CCI สำหรับการทำนายการทะลุเส้นแนวโน้ม จุดที่ CCI ทะลุเส้นแนวโน้มที่วาดอยู่บนกราฟ CCI อาจบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงในการเคลื่อนไหวของราคา การทะลุเส้นแนวโน้มบนกราฟ CCI สามารถเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ หรืออาจเป็นการยืนยันแนวโน้มที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว

ข้อดีและข้อเสียของ Commodity Channel Index (CCI)

ข้อดี

  • Commodity Channel Index (CCI) สามารถใช้ได้กับทั้งการวิเคราะห์ระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งทำให้นักลงทุนหรือนักวิเคราะห์สามารถปรับใช้ตามแนวโน้มและช่วงเวลาที่ต้องการ
  • ไม่ได้จำกัดเฉพาะที่ตลาดสินทรัพย์สำคัญๆ อย่างเดียว แต่ยังสามารถใช้งานได้กับหุ้น, สัญญาซื้อขายล่วงหน้า, ETFs, ตัวเลือกและตลาดอื่น ๆ ด้วย
  • สามารถช่วยระบุสัญญาณเตือนว่าแนวโน้มของราคาอาจจะกำลังจะเปลี่ยนแปลง จากการสร้างความแตกต่าง (Divergence) ระหว่างราคาที่ทำสูงสุดหรือต่ำสุดใหม่ แต่ CCI ไม่ทำ
  • สามารถช่วยระบุสถานการณ์ที่ซื้อหรือขายเกินไป โดยผ่านการที่ CCI ไปอยู่เหนือ +100 หรือต่ำกว่า -100 ช่วยให้นักลงทุนสามารถรับรู้ถึงการกลับตัวของราคาได้ทันท่วงที
  • สามารถใช้ในการระบุสัญญาณของการทะลุเส้นแนวโน้ม ซึ่งจะเป็นการบอกว่าสินทรัพย์นั้นอาจจะเริ่มมีแนวโน้มใหม่

ข้อเสีย

  • ในบางครั้ง CCI อาจส่งสัญญาณที่ผิดพลาด โดยเฉพาะในตลาดที่มีความผันผวนสูง สัญญาณซื้อหรือขายเกินไปอาจไม่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มที่แท้จริง
  • ในบางสถานการณ์ CCI อาจจำเป็นต้องใช้ร่วมกับIndicatorเทคนิคอื่น ๆ เพื่อยืนยันสัญญาณที่ได้ ทำให้การวิเคราะห์ซับซ้อนและใช้เวลามากขึ้น
  • CCI มักจะใช้งานได้ดีที่สุดในตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน แต่อาจไม่ทำงานได้ดีในตลาดที่แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มหรือตลาดที่คลื่นไหวข้างๆ
  • การตั้งค่า CCI ที่สมเหตุสมผลสำหรับระยะเวลาหนึ่ง ๆ อาจจะไม่สามารถใช้ได้ในระยะเวลาอื่น ๆ สิ่งนี้อาจทำให้ผู้ลงทุนต้องปรับค่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด
  • ในบางกรณี ค่า CCI ที่สูงหรือต่ำอาจไม่สะท้อนถึงภาวะตลาดที่แท้จริง เนื่องจากเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคที่ไม่สอดคล้องกับฐานการลงทุนของตลาด

บทสรุป

Commodity Channel Index เป็นIndicatorที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถใช้ได้กับทั้งกรอบเวลาที่ยาวและสั้น อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ที่สามารถช่วยเหลือเทรดเดอร์ได้หลายวิธี ตั้งแต่การระบุเงื่อนไขการซื้อมากเกินไปและการขายมากเกินไป ไปจนถึงการระบุการกลับตัวของราคาที่อาจเกิดขึ้น