Drawdown คืออะไร
Drawdown หรือ DD คือการวัดความสูญเสียที่เกิดขึ้นภายในบัญชีการเทรดหรือการลงทุนในช่วงเวลาหนึ่งๆ โดยเทียบกับจุดสูงสุดของมูลค่าบัญชีที่เคยถึงมา ณ จุดเวลานั้น และเป็นการแสดงเป็นร้อยละของการลดลงของมูลค่าบัญชี
Drawdown เป็นคำศัพท์ที่นักลงทุนและนักเทรดใช้เพื่ออธิบายขนาดของการตกต่ำของมูลค่าของพอร์ตการลงทุนหรือบัญชีในช่วงเวลาที่ไม่ดีของตลาดหรือจากผลของการเทรด เมื่อเราพูดถึง drawdown เราจะพูดถึงการลดลงของมูลค่าบัญชีจากจุดสูงสุดที่เคยมีมาก่อน (Peak) จนถึงจุดต่ำสุดในช่วงเวลานั้น (Trough) โดยส่วนต่างระหว่างสองจุดนี้จะคือ drawdown
Drawdown เป็นตัววัดความเสี่ยงที่สำคัญสำหรับนักลงทุนและนักเทรดเพราะมันบ่งบอกถึงระดับของความสูญเสียที่บัญชีของคุณเคยประสบในอดีต การรู้ถึงระดับ drawdown ที่เป็นไปได้ในอดีตจะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับความเสี่ยงในอนาคต และปรับการลงทุนหรือกลยุทธ์การเทรดให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่พร้อมที่จะรับได้
จุดที่สำคัญของ Drawdown คือ การช่วยให้นักเทรดหรือนักลงทุนเข้าใจความเสี่ยงและความสามารถในการจัดการความเสี่ยงของกลยุทธ์การเทรดหรือการลงทุนที่ใช้อยู่ นักเทรดและนักลงทุนมักจะใช้ค่า Drawdown นี้เป็นตัวชี้วัดในการตัดสินใจว่าจะยอมรับความเสี่ยงในระดับไหน ถ้าค่า Drawdown สูงเกินไป ก็อาจแสดงว่ากลยุทธ์การเทรดหรือการลงทุนนั้นมีความเสี่ยงสูง และต้องประเมินว่าควรจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์หรือไม่
Drawdown ไม่เพียงแต่แสดงถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่กำหนด แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการตระหนักรู้ถึงความคลาดเคลื่อนและความจุใจของนักลงทุนเอง ในทางปฏิบัติ เมื่อมีการเกิด Drawdown มากๆ อาจจะส่งผลให้นักลงทุนต้องจับจ่ายเงินทุนเพิ่มเติมหรือต้องทำการปรับปรุงกลยุทธ์การลงทุน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายที่มากขึ้นในอนาคต
บางครั้ง Drawdown ยังเป็นตัวบ่งบอกถึงสภาพคลื่นของตลาด ที่อาจจะมีการแกว่งขึ้นลงอย่างรุนแรงในระยะสั้น จนทำให้นักลงทุนหรือนักเทรดรู้สึกว่ากลยุทธ์ที่ใช้อยู่นั้นไม่มีประสิทธิภาพ แต่จริงๆ แล้ว สภาพคลื่นของตลาดนั้นเป็นสิ่งปกติและต้องเข้าใจว่าไม่มีกลยุทธ์การลงทุนใดๆ ที่สามารถทำกำไรได้ตลอดเวลา
ในทำนองเดียวกัน Drawdown ยังเป็นการเตือนความระมัดระวังให้กับนักลงทุนว่าควรจะมีแผนการจัดการความเสี่ยงในการเทรดหรือลงทุน เพื่อควบคุมการขาดทุนให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้และไม่กระทบต่อสถานะการเงินของตนเองในระยะยาว
นอกจากนี้ Drawdown ยังเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยแสดงถึงความสามารถในการคืนตัวของพอร์ตการลงทุนหลังจากพบกับการขาดทุน
สาเหตุที่ทำให้เกิด Drawdown
Drawdown หรือเรียกเป็นภาษาไทยว่า “ระดับผลตอบแทนขาดทุนสะสม” คือ การลดลงของมูลค่าสินทรัพย์หรือเงินทุนจากจุดสูงสุดในอดีตจนถึงจุดต่ำสุดในช่วงเวลาที่กำหนด และมันเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนใช้เป็นตัวบ่งชี้ความเสี่ยงในการลงทุนหรือเทรดของพวกเขา
การเทรดโดยการขาดแผนการลงทุนที่ถูกต้อง
การเทรดในตลาด Forex ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยความโชคดีเพียงอย่างเดียว แต่เกิดขึ้นจากการวิเคราะห์และการมีแผนการลงทุนที่ชัดเจน หากคุณเทรดโดยไม่มีแผนการลงทุน หรือแผนการลงทุนที่ไม่เหมาะสม การเกิด Drawdown ในพอร์ตของคุณคือเรื่องที่เกือบจะแน่นอน
การเทรดโดยขาดการบริหารจัดการการเงินที่ดี
การบริหารจัดการการเงินเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเทรดทุกคน แม้แต่นักเทรดมืออาชีพ การไม่ใช้การบริหารจัดการการเงินหรือใช้ในระดับที่ต่ำเกินไป มักจะทำให้เกิด Drawdown ในระดับที่สูง และอาจจะทำให้เกิดความเสียหายที่รุนแรงต่อเงินทุน
การขาดหลักจิตวิทยาการลงทุน
จิตวิทยาการลงทุนเป็นส่วนสำคัญที่มักถูกมองข้าม หลายคนเมื่อพบกับการขาดทุนมักจะทำการเทรดเพิ่มเข้าไปเพื่อ “แก้ไข” หรือ “คืนเงินที่เสียไป” ซึ่งมักจะนำไปสู่การเกิด Drawdown ที่สูงขึ้น
Drawdown ที่ต้องพิจารณาในการเทรด
Drawdown คือ หนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญมากสำหรับนักเทรดและนักลงทุน เนื่องจากเป็นตัวบ่งบอกถึงระดับการขาดทุนสะสมที่เกิดขึ้นจากจุดสูงสุดล่าสุดของบัญชีการเงิน ถึงจุดที่ต่ำที่สุดที่เคยเกิดขึ้น การเข้าใจและพิจารณา Drawdown จึงเป็นสิ่งที่สำคัญเมื่อคุณต้องการวัดความเสี่ยงและประสิทธิภาพของวิธีการเทรดของคุณ ดังนี้
- ระดับ Drawdown: การทราบระดับของ Drawdown จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงความเสี่ยงที่คุณได้รับ และว่ามันอยู่ในระดับที่คุณสามารถรับได้หรือไม่ ซึ่งถ้า Drawdown สูงมาก ความเสี่ยงที่คุณจะสูญเสียเงินทุนเป็นจำนวนมากก็สูงตามไปด้วย
- ระยะเวลาของ Drawdown: ไม่ใช่เพียงแต่ระดับของ Drawdown เท่านั้นที่สำคัญ แต่ระยะเวลาที่ Drawdown นั้นเกิดขึ้นก็เป็นสิ่งที่ควรพิจารณา เพราะถ้าบัญชีการเงินของคุณอยู่ในสถานะ Drawdown นานเกินไป มันอาจจะแสดงว่าวิธีการเทรดของคุณมีปัญหา หรือต้องการการปรับปรุง
- สาเหตุของ Drawdown: การวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้เกิด Drawdown จะช่วยให้คุณวิเคราะห์และปรับปรุงวิธีการเทรดของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การป้องกัน Drawdown: คุณควรมีกลยุทธ์เพื่อป้องกันหรือลดการเกิด Drawdown เช่นการใช้ Stop Loss ในระดับที่เหมาะสม หรือการปรับขนาดตำแหน่งการเทรดตามสถานะของตลาด
- เปรียบเทียบกับตัวเลขอื่นๆ: ในขณะที่ Drawdown เป็นตัวบ่งบอกความเสี่ยง คุณควรเปรียบเทียบมันกับตัวเลขอื่นๆ เช่น เปอร์เซ็นต์ของการทำกำไร เพื่อวัดประสิทธิภาพโดยรวมของวิธีการเทรดของคุณ
ประเภทของ Drawdown ที่ใช้ในการลงทุน
Drawdown คือ การขาดทุนที่เกิดขึ้นจากจุดสูงสุดล่าสุดของค่าสินทรัพย์ถึงจุดที่ต่ำที่สุด ในการเทรดหรือการลงทุน ซึ่งมีหลายประเภทดังนี้
ประเภท Maximum Drawdown (MDD)
- เป็นค่า Drawdown ที่สูงที่สุดในระยะเวลาที่กำหนด หรือในประวัติการเทรดทั้งหมดของผู้เทรด
- ส่วนใหญ่จะใช้ MDD เป็นตัวชี้วัดความเสี่ยงที่เป็นไปได้ในการลงทุน
- การทราบ MDD สามารถช่วยในการกำหนดขนาดของตำแหน่งการเทรด และการวางแผนการจัดการเงิน
ประเภท Relative Drawdown
- เป็นเปอร์เซ็นต์ของ Drawdown คำนวณจากจุดสูงสุดถึงจุดต่ำสุด เมื่อเทียบกับจุดสูงสุด
- ช่วยให้เห็นภาพรวมของความเสี่ยงในสัดส่วน
ประเภท Duration Drawdown
- อ้างถึงระยะเวลาที่บัญชีการเงินอยู่ในสถานะ Drawdown หรือกล่าวคือระยะเวลาที่บัญชีต้องการเพื่อกลับมายังจุดสูงสุดล่าสุด
- ตัวชี้วัดนี้ช่วยให้เราเข้าใจถึงระยะเวลาที่ต้องเผชิญกับการขาดทุน
ประเภท Absolute Drawdown
- คือการคำนวณจากจุดเริ่มต้นการเทรดหรือจุดเริ่มต้นของการลงทุนถึงจุดที่ต่ำที่สุดของบัญชี
- ให้ภาพของการขาดทุนที่เกิดขึ้นจากการเริ่มต้น
แต่ละประเภทของ Drawdown มีวัตถุประสงค์และข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนั้นเมื่อใช้งาน Drawdown ในการวัดความเสี่ยง ควรพิจารณาว่าแต่ละประเภทมีความหมายอย่างไร และต้องการจากมันอย่างไร เพื่อให้การประเมินความเสี่ยงและการตัดสินใจในการเทรดหรือการลงทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
สูตร คำนวณ Drawdown
- Peak Value (ค่าสูงสุด): คือค่าสูงสุดของบัญชีหรือพอร์ตการลงทุนของคุณที่เคยมีในช่วงเวลาที่คุณกำลังพิจารณา ยกตัวอย่างเช่น ภายในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ถ้าบัญชีของคุณเคยมีค่าสูงสุด $10,000 แต่ตอนนี้ลดลงเหลือ $9,000 แล้วค่า Peak Value ในที่นี้คือ $10,000
- Trough Value (ค่าต่ำสุด): หลังจากที่บัญชีของคุณได้ถึง Peak Value แล้ว ค่าต่ำสุดที่บัญชีของคุณลดลงมาถึงคือ Trough Value ในตัวอย่างเดียวกับข้างต้น ถ้าหลังจากค่าสูงสุด $10,000 แล้วบัญชีของคุณลดลงมาเหลือ $8,000 ก่อนที่จะกลับขึ้นมาอีกครั้ง ค่า Trough Value ในที่นี้คือ $8,000
- การลบ Peak Value ด้วย Trough Value จะให้เรารู้ถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นภายในช่วงเวลาที่คุณพิจารณา
- การหารด้วย Peak Value จะทำให้เราได้ร้อยละของการลดลงจากค่าสูงสุด
- การคูณด้วย 100 จะทำให้เราได้ค่า Drawdown ในรูปแบบเปอร์เซ็นต์
จากสูตรนี้สรุปได้ว่า Drawdown คือ การบ่งบอกถึงเปอร์เซ็นต์ของการลดลงจากสมรรถนะสูงสุดของบัญชีหรือพอร์ตการลงทุนของคุณในช่วงเวลาที่คุณกำลังพิจารณา ซึ่งในที่นี้คือการลดลงจาก $10,000 ลงมาเป็น $8,000 หรือ Drawdown 20% และเป็นการวัดระดับความเสี่ยงในการลงทุนของคุณนั้นเอง
ตัวอย่าง Drawdown ยอดคงเหลือทั้งหมดในบัญชี MT4
- ข้อ 1: คุณเริ่มต้นด้วยยอดคงเหลือในบัญชี MT4 ที่ $10,000
- ข้อ 2: หลังจากการเทรดไปไม่กี่วัน บัญชีของคุณขาดทุนลงเป็น $9,000 ซึ่งหมายความว่า Drawdown ของคุณคือ $1,000 หรือ 10% ของยอดเงินเริ่มต้น
- ข้อ 3: ด้วยความสามารถในการเทรด คุณได้กำไรและบัญชีของคุณเพิ่มขึ้นจาก $9,000 เป็น $11,000
- ข้อ 4: ถึงแม้บัญชีของคุณจะเพิ่มขึ้นและมีกำไรเมื่อเทียบกับยอดเงินเริ่มต้น แต่ Drawdown ที่บันทึกลงในระบบยังคงอยู่ที่ $1,000 หรือ 10% เนื่องจากยังไม่ได้เกินยอดสูงสุดเดิมที่ $10,000
- ข้อ 5: ค่า Drawdown ช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของความเสี่ยงและประสิทธิภาพในการเทรด และเป็นตัวชี้วัดว่าคุณควรปรับแผนการเทรดหรือยัง
Drawdown มีความเสี่ยงอย่างไรในการลงทุนอย่างไร
Drawdown ในการลงทุนคือการสะสมของการขาดทุนตั้งแต่จุดสูงสุดของบัญชีการเงินของผู้ลงทุนจนถึงจุดต่ำสุดที่เคยเกิดขึ้น และเป็นตัวชี้วัดหนึ่งที่แสดงถึงความเสี่ยงและประสิทธิภาพของการลงทุนในแต่ละระยะเวลาDrawdown ที่สูงอาจสะท้อนถึงความไม่สามารถในการบริหารความเสี่ยงหรือการตัดสินใจเทรดที่ไม่เหมาะสม ทำให้บัญชีการเงินของผู้ลงทุนลดลงอย่างรวดเร็ว และอาจทำให้บางครั้งหาก Drawdown มากเกินไป ผู้ลงทุนอาจไม่สามารถทนต่อการขาดทุนได้และตัดสินใจขาดทุนออกจากตลาด
พิจารณาต่อไป คือ ผลกระทบทางจิตวิทยา การเห็นบัญชีการเงินของตนเองลดลงอย่างต่อเนื่องอาจทำให้ผู้ลงทุนมีความรู้สึกไม่มั่นใจ สร้างความกดดันในการตัดสินใจ และอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ขาดวิจารณญาณในภายหลัง
การลงทุนเป็นการเสี่ยงทายที่มากขึ้นเนื่องจากอารมณ์และความรู้สึกส่วนบุคคลมีแนวโน้มควบคุมการตัดสินใจ นอกจากนี้ หาก Drawdown สูงเกินความสามารถที่จะรอคอยให้ทั้งหมดกลับมา เดียวดายอาจไม่มีโอกาสสำหรับผู้ลงทุนเพื่อกู้คืนเงินที่ขาดทุน ทำให้การลงทุนทั้งหมดเป็นสิ่งที่ไม่คุ้มค่าและไร้ประโยชน์
Drawdown ที่สูงไม่ได้หมายความว่าผู้ลงทุนทำผิดแต่อย่างใด เพราะตลาดการเงินมักมีความผันผวนอยู่เสมอ แต่สิ่งที่สำคัญคือการที่ผู้ลงทุนต้องรู้จักบริหารจัดการความเสี่ยง และมีการวางแผนการเงินที่ดี เพื่อให้สามารถอยู่รอดในตลาดระยะยาว Drawdown สูงอาจแสดงถึงรูปแบบการลงทุนหรือกลยุทธ์ที่เสี่ยงมาก ซึ่งอาจทำให้ได้ผลตอบแทนที่สูงในระยะสั้น แต่ในระยะยาวจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของบัญชี
นอกจากนี้ ผู้ลงทุนที่พบเจอ Drawdown สูงๆ มักมีแนวโน้มที่จะทำการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การลงทุนบ่อยครั้ง ซึ่งอาจไม่เป็นแนวทางที่เหมาะสม เพราะเปลี่ยนกลยุทธ์บ่อยครั้งโดยไม่มีการวิเคราะห์ที่ชัดเจนอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่เหมาะสมและเพิ่มความเสี่ยงในการลงทุน