Hedging คืออะไร
Hedging คือ กลยุทธ์ในการจัดการความเสี่ยงทางการเงิน โดยการเปิดสถานะที่เสมือนกันแต่ตรงข้ามในตลาด นั่นคือ ถ้ามีสถานะ “Long” หรือซื้อในหนึ่งสินค้า จะ “Short” หรือขายสินค้านั้นหรือสินค้าที่เกี่ยวข้องอื่นเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของราคา
เทรดเดอร์สามารถใช้ Hedging เพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดจากสถานะการลงทุนที่มีอยู่ การทำเช่นนี้ทำให้สามารถจำกัดความเสียหายจากการเคลื่อนไหวของราคาได้ แม้ว่าจะไม่สามารถหารายได้ในระดับที่สูงเท่าการลงทุนโดยไม่มีการ Hedging แต่ก็จะช่วยให้ลดความเสี่ยงลง
Hedging ในการเทรดเงินสกุลหรือ Forex
Hedging ในการเทรดเงินสกุลหรือ Forex คือ กลยุทธ์ในการป้องกันความเสี่ยงด้วยการเปิดออเดอร์ Buy และ Sell สำหรับเงินสกุลเดียวกันในช่วงเวลาที่ซับซ้อนกัน การทำเช่นนี้จะทำให้ไม่ได้หรือเสียเงิน และยอดรวมบัญชีจะคงสถานะความสมดุล อีกทั้งยังประกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดได้
ตัวอย่างลักษณะ Hedging ในการเทรดเงินสกุลหรือ Forex
- เปิด Buy ในเวลา 9:00 น. และเปิด Sell ในเวลา 11:00 น. หลังจากนั้นปิด Sell ในเวลา 13:00 น. และปิด Buy ในเวลา 14:00 น. นี่คือ Hedging
- เปิด Buy ในเวลา 9:00 น. และปิดในเวลา 11:00 น. หลังจากนั้นเปิด Sell ในเวลา 13:00 น. และปิด Sell ในเวลา 14:00 น. นี่ไม่ใช่ Hedging แต่เป็นการเทรดปกติ
สำหรับการเทรดหุ้นหรือการลงทุนในรูปแบบอื่น วิธีการ Hedging ที่ปกติจะเห็นมี 2 แบบหลักๆ ได้แก่
- การใช้สิทธิ์ในการซื้อเงินตราต่างประเทศ (Options)
- การใช้สัญญาซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า (Forward Contracts) หรือ Futures
ซึ่งลักษณะการใช้วิธีนี้จะช่วยป้องกันความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน หรือความผันผวนของราคาหุ้น และเป็นอีกหนึ่งวิธีที่นิยมใช้ในการจัดการความเสี่ยงในการลงทุนด้วย
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการทำ Hedging ใน forex
ค่าคอมมิชชั่นและสเปรด
การทำ Hedging นั้นอาจทำให้ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นในการเปิดและปิดออเดอร์ 2 รอบ (ซื้อและขาย) แต่ถ้าเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำ จะพบว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจาก Hedging อาจจะต่ำกว่าการเทรดแบบเดี่ยวในบางกรณี
ความเสี่ยงและการจำกัดขาดทุน
การทำ Hedging มักใช้ในสถานการณ์ที่เกิดความผิดพลาดหลังจากเปิดออเดอร์แรก เช่น กราฟทะลุแนวรับหรือแนวต้าน การทำ Hedging ในกรณีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงและจำกัดการขาดทุนให้นักลงทุนได้
ตัวอย่าง
ถ้าเปิดออเดอร์ Buy แล้วราคาลดลงอย่างไม่คาดคิด สามารถทำ Hedging ด้วยการเปิดออเดอร์ Sell ในทิศทางตรงข้าม ซึ่งจะช่วยลดขาดทุนและเป็นเวลาที่คิดว่ากราฟจะกลับไปที่ราคาเดิม
ความสัมพันธ์ของสกุลเงินและการป้องกันความเสี่ยงของ Forex – Forex hedging
ความสัมพันธ์ของสกุลเงินในตลาด Forex คือ การวัดทางสถิติของวิธีที่คู่สกุลเงินเคลื่อนไหวในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้งนี้อาจเป็นในทิศทางเดียวกัน (สหสัมพันธ์เชิงบวก) หรือในทิศทางตรงกันข้าม (สหสัมพันธ์เชิงลบ)
ในด้านความสัมพันธ์กับ Forex Hedging การรู้ความสัมพันธ์ของสกุลเงินเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับการป้องกันความเสี่ยง หรือ “Hedging” ในตลาด Forex นักเทรดสามารถใช้ความสัมพันธ์นี้เพื่อเปิดสถานะในคู่สกุลเงินที่มีความสัมพันธ์เชิงลบ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
ตัวอย่างการใช้ความสัมพันธ์ในการ Hedging
- ถ้าคุณเปิดสถานะ Buy ในคู่ EUR/USD และต้องการป้องกันความเสี่ยง คุณอาจเลือกเปิดสถานะ Sell ในคู่อื่นที่มีความสัมพันธ์เชิงลบกับ EUR/USD
เครื่องมือและตัวบ่งชี้
คำนวณความสัมพันธ์ของสกุลเงินไม่ง่าย แต่มีเครื่องมือและตัวบ่งชี้ที่สามารถช่วย บางบริษัทซอฟต์แวร์เช่น LiteFinance จะมีเครื่องคำนวณความสัมพันธ์ให้เทรดเดอร์ ซึ่งจะช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจว่าสกุลเงินใดที่สัมพันธ์กันอย่างไรนั้นเอง
กลยุทธ์การ Hedging ในตลาด Forex
กลยุทธ์การ Hedging ในตลาด Forex สามารถทำได้ใน 2 วิธีหลัก แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสีย รวมถึงความซับซ้อนที่ต่างกัน ได้แก่
- “Simple forex hedging strategy”
- “Multiple currencies hedging strategy”
1.Simple Forex Hedging Strategy (กลยุทธ์การ Hedging แบบง่าย)
“Simple Forex Hedging Strategy” หรือ “กลยุทธ์การ Hedging แบบง่าย” ในตลาด Forex คือ การใช้สถานะที่ตรงข้ามกับสถานะที่คุณมีอยู่เพื่อลดความเสี่ยงหรือป้องกันความขาดทุนในอนาคต ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีสถานะ Long (ซื้อ) ในคู่สกุลเงิน EUR/USD คุณสามารถเปิดสถานะ Short (ขาย) ในคู่สกุลเงิน EUR/USD ได้ นั่นเอง การทำแบบนี้เรียกว่า “Direct Hedge” หรือ การ Hedging โดยตรง
วิธีการดำเนินการ
- ตรวจสอบสถานะปัจจุบัน: ก่อนอื่นคุณต้องทราบสถานะปัจจุบันของคุณในตลาด ว่าคุณเปิดสถานะเป็น Long หรือ Short
- เปิดสถานะตรงข้าม: หลังจากนั้นคุณจะเปิดสถานะที่ตรงข้ามกับสถานะปัจจุบัน เช่น ถ้าคุณมีสถานะ Long คุณจะเปิดสถานะ Short และตรงข้าม
- ขนาดของสถานะ: สถานะที่คุณเปิดในการ Hedging ควรมีขนาดเท่าหรือใกล้เคียงกับสถานะปัจจุบันของคุณ
- จัดการสถานะ: คุณจะต้องเก็บตามและปรับปรุงสถานะของคุณอย่างต่อเนื่อง
ข้อดีและข้อเสีย Simple Forex Hedging Strategy (กลยุทธ์การ Hedging แบบง่าย)
ข้อดี
- ลดความเสี่ยง: สามารถลดความเสี่ยงจากความเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้น
- คงสถานะไว้: ให้คุณคงสถานะไว้ในตลาดเพื่อรอดูความเคลื่อนไหวในระยะยาว
- เรียบง่าย: ไม่ต้องใช้เครื่องมือหรือวิเคราะห์ที่ซับซ้อน
ข้อเสีย
- กำไรศูนย์: การ Hedging แบบนี้จะทำให้กำไรของคุณเป็นศูนย์เนื่องจากสถานะที่เปิดตรงข้ามกัน
- ค่าธรรมเนียม: อาจต้องจ่ายค่าธรรมเนียมหรือ Spread สำหรับการเปิดสถานะใหม่
2. Multiple Currencies Hedging Strategy
กลยุทธ์การ Hedging ด้วยสกุลเงินหลายสกุล (Multiple Currencies Hedging Strategy) ในตลาด Forex เป็นหนึ่งในวิธีการจัดการความเสี่ยงที่ซับซ้อนขึ้น เมื่อเทียบกับกลยุทธ์การ Hedging แบบง่าย ในกลยุทธ์นี้ นักเทรดจะเลือกคู่สกุลเงินที่มีความสัมพันธ์หรือ “correlation” ในทิศทางเดียวกัน หรือที่เคลื่อนไหวคล้ายคลึงกัน แล้วจึงเปิดสถานะที่ตรงกันข้ามกันในคู่สกุลเงินเหล่านั้น
ตัวอย่าง
สมมุติว่าคุณได้เปิดสถานะ Short (ขาย) ในคู่สกุลเงิน EUR/USD และต้องการทำการ Hedge ความเสี่ยงของคุณใน USD คุณสามารถทำการ Hedge ด้วยการเปิดสถานะ Long (ซื้อ) ในคู่สกุลเงิน GBP/USD ซึ่งเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันกับ EUR/USD โดยทั่วไป
วิธีการทำงาน
- เมื่อ USD แข็งขึ้น: คุณจะขาดทุนในสถานะ Long ของ GBP/USD แต่จะได้กำไรจากสถานะ Short ของ EUR/USD
- เมื่อ USD อ่อนลง: คุณจะได้กำไรจากสถานะ Long ของ GBP/USD แต่จะขาดทุนในสถานะ Short ของ EUR/USD
ความเสี่ยงและข้อควรระวัง
- ความเสี่ยงที่เฉพาะตัว: ทั้ง EUR และ GBP ยังคงมีความเสี่ยงที่เฉพาะตัว และไม่ได้ถูก Hedge ในเต็มรูปแบบ
- ค่าธรรมเนียมและสเปรด: การเปิดสถานะหลายๆ อันจะเพิ่มค่าธรรมเนียมและสเปรด
- การเคลื่อนไหวที่ไม่ทางเทคนิค: ข่าวหรือเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจสามารถทำให้สกุลเงินเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไม่คาดคิดได้
ข้อดีข้อเสีย Multiple Currencies Hedging Strategy
ข้อดี
- ความยืดหยุ่น: สามารถปรับเปลี่ยนหรือปิดสถานะใดสถานะหนึ่งได้ตามต้องการ
- โอกาสในการทำกำไร: หากทำการวิเคราะห์ถูกต้อง คุณอาจทำกำไรจากสถานะที่ตรงข้ามกัน
ข้อเสีย
- ค่าธรรมเนียมและสเปรด: การเปิดสถานะหลายอันแปลว่าคุณจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมและสเปรดมากขึ้น
- ความเสี่ยงของ “Slippage”: ในสถานการณ์ที่ตลาดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว การเปิดหรือปิดสถานะอาจไม่ได้ราคาที่คาดหวัง
- ความเสี่ยงที่เฉพาะตัว: ยังคงมีความเสี่ยงเฉพาะสกุลเงินที่ไม่ได้ถูก Hedging อย่างเต็มที่
- การบริหารจัดการความเสี่ยง: อาจจำเป็นต้องใช้เครื่องมือบริหารจัดการความเสี่ยงอื่น ๆ เพื่อควบคุมความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากสถานะที่ซับซ้อน
การทำ Hedging ในการเทรด Forex
การป้องกันความเสี่ยงในตลาด Forex ทำงานอย่างไร?
การป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ในตลาด Forex คือการใช้หลายๆ กลยุทธ์เพื่อลดหรือย้ายความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน. คำว่า “Hedging” ในบริบทนี้อาจหมายถึงการสร้างสถานะ (position) ที่ตรงข้ามหรือบางอย่างที่จะคู่ควรกับสถานะที่คุณมีอยู่เพื่อป้องกันความเสี่ยง นี่คือวิธีที่ Hedging ในตลาด Forex ทำงาน
ในลักษณะของกลยุทธิ์ Direct Hedge หรือ Simple Forex Hedging Strategy อธิบายได้ว่า ในกรณีที่คุณมีสถานะ Long (ซื้อ) ในคู่สกุลเงิน EUR/USD และคุณคิดว่าคู่สกุลเงินนี้จะมีการเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม คุณสามารถเปิดสถานะ Short (ขาย) ในคู่สกุลเงินเดียวกันเพื่อป้องกันความเสี่ยง
และในกลยุทธิ์ Multiple Currencies Hedging Strategy นั้นคุณอาจจะเปิดสถานะในหลายคู่สกุลเงินที่มีความสัมพันธ์กัน (correlated) ซึ่งอาจจะช่วยลดความเสี่ยงที่มาจากความเคลื่อนไหวของสกุลเงินเฉพาะได้
ตัวอย่าง
ในเรื่องของการเทรด Forex และการใช้กลยุทธ์ Hedging หรือการป้องกันความเสี่ยง ตัวอย่างข้างต้นประกอบไปด้วยขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้
เริ่มต้นด้วยการเทรด Long: หลังจากวิเคราะห์แล้วคิดว่าคู่สกุลเงินจะขยับขึ้น นักเทรดเปิดสถานะ Long ที่เส้นสีเขียว โดยคาดว่าจะทำกำไรจากการเติบโตของสกุลเงิน
การกลับตัวของตลาด: ตลาดมีการกลับตัว ทำให้นักเทรดต้องพิจารณาสถานการณ์ใหม่ แทนที่จะปิดสถานะ Long และเก็บกำไรเล็กน้อย นักเทรดเปิดสถานะ Short ที่เส้นสีแดงเพื่อป้องกันความเสี่ยง
รอสัญญาณการกลับตัว: นักเทรดรอจนกว่าจะเห็นสัญญาณของการกลับตัวขึ้น และตัดสินใจปิดสถานะ Short ที่เส้นสีม่วง
ผลกำไร: การใช้กลยุทธ์นี้ทำให้นักเทรดสามารถจัดการความเสี่ยงได้อย่างมากขึ้น ถึงแม้จะมีความเสี่ยงของการเสียเงิน การเสียเงินนั้นจะน้อยลงและยังมีโอกาสในการทำกำไรเพิ่มขึ้น
การปิดสถานะ: เมื่อตลาดเริ่มการเคลื่อนไหวที่สมบูรณ์แบบตามที่คาดหวัง นักเทรดจะปิดสถานะ Long ที่ราคาที่สูงกว่าราคาเปิด
ข้อควรระวัง
ในกรณีที่ตลาดเคลื่อนไหวในทิศทางที่ไม่พึงประสงค์ นักเทรดจะไม่สามารถทำกำไรจากการ Hedging และอาจเสียเงินได้
ถึงแม้การ Hedging จะช่วยในการลดความเสี่ยง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะป้องกันความเสียเงินได้ทั้งหมด
การเติบโตของตลาดที่เทรดเดอร์คาดการณ์ไว้ยังคงดำเนินต่อไป ณ จุดนี้ เกิดสัญญาณว่าตลาดเริ่มแสดงถึงการพักตัวหรือลังเลในการเคลื่อนไหวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลักฐานสำคัญที่สังเกตได้คือมีแท่งราคาหลายแท่งแสดงเงา (wicks หรือ shadows) ขนาดใหญ่ที่ยืนยันถึงความลังเลของตลาด
ด้วยสัญญาณนี้ เทรดเดอร์ตัดสินใจปิดออเดอร์การซื้อขายระยะยาว (Long position) ที่ราคาที่สูงกว่าราคาเปิดอย่างชัดเจน เพื่อจัดการกำไรที่ได้รับจากการเคลื่อนไหวขาขึ้นที่คาดการณ์ไว้
ทำเช่นนี้จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถรักษากำไรที่ได้แล้วและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการที่ตลาดจะกลับตัวหรือเปลี่ยนทิศทาง ในทางปฏิบัติ การดำเนินการเช่นนี้ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่นิยมใช้เพื่อสร้างกำไรและจัดการความเสี่ยงในตลาด Forex ซึ่งเป็นตลาดที่มีความผันผวนสูง