Gaps ในการเทรดคืออะไร
Gaps คือ พื้นที่ว่างที่ปรากฏในกราฟราคาระหว่างแท่งเทียนสองแท่งที่ติดกัน โดยไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้น ช่องว่างเกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนถัดไปเปิดในตำแหน่งที่ห่างจากราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้านั้น เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงมุมมองของตลาดต่อราคาอย่างรวดเร็ว
ในบางกรณี ช่องว่างเกิดจากการที่มีข่าวหรือเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจหรือการเมืองที่สำคัญเกิดขึ้น ทำให้นักลงทุนมีมุมมองหรือความคาดหมายที่แตกต่างจากก่อนหน้านี้ สำหรับตลาด Forex ยังมีช่องว่างที่เกิดขึ้นหลังจากวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งเกิดจากข่าวสำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดปิด และเมื่อตลาดเปิดใหม่ในวันจันทร์ ราคาจะเปิดที่ตำแหน่งที่แตกต่างจากการปิดในวันศุกร์ ทั้งนี้ ช่องว่างเหล่านี้สามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ทางเทคนิคได้ และเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดทางการลงทุน
ความหมายของ “Gap” ในกราฟราคาหรือ
- ช่องว่างขณะเริ่มต้น (Breakaway gaps): หลังจากที่ราคาได้เคลื่อนที่ภายในเเนวโน้มเดิมเป็นเวลานาน และมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เช่น การประกาศผลการเงิน, ข่าวสำคัญ เช่น กรณีของ Tesla ที่ประกาศว่าจะถูกนำเข้า S&P 500 ทำให้มีการซื้อเข้าอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ราคากระโดดขึ้นในช่วงเริ่มต้นของวันถัดไป ซึ่งเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นแนวโน้มขึ้นใหม่
- ช่องว่างการดำเนินการต่อ (Continuation gaps): ระหว่างที่มีเนวโน้มที่ชัดเจน, อาจมีการปล่อยข่าวที่ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นในแนวโน้มปัจจุบันมากขึ้น ทำให้ราคาเคลื่อนที่ในทิศทางเดียวกับแนวโน้มอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น Alibaba ที่ราคาเริ่มกระโดดขึ้นระหว่างแนวโน้มขึ้น
- ช่องว่างแบบหมดสภาพ (Exhaustion gaps): เมื่อราคาเคลื่อนที่ในแนวโน้มเดียวเป็นเวลานาน และมีการกระโดดของราคาที่ไม่ตรงกับแนวโน้มปัจจุบัน นั่นคือเป็นสัญญาณของการที่นักลงทุนเริ่มเหนื่อยล้ากับแนวโน้มปัจจุบัน และเริ่มมีการปรับเปลี่ยนทิศทาง ตัวอย่างเช่น Facebook ที่มีช่องว่างแบบหมดสภาพและต่อมาราคาเริ่มมีการตกลง
การวิเคราะห์ Gap เพื่อใช้สร้างกำไรในการเทรด
การทำกำไรจาก “Gap” ในตลาด Forex หรือตลาดหุ้น สามารถทำได้ถ้าเทรดเดอร์เข้าใจคุณสมบัติและพฤติกรรมของ Gap อย่างละเอียด รวมถึงการรับรู้โอกาสทางเทคนิคและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
Gap คือ การกระโดดของราคาที่มักเกิดขึ้นหลังจากตลาดเปิดในวันจันทร์ จากการที่ราคาปิดของวันศุกร์มีความแตกต่างจากราคาเปิดของวันจันทร์ การเกิด Gap มักเกิดขึ้นจากจำนวนออเดอร์ที่สะสมและถูกประมวลผลในเวลาเดียวกันเมื่อตลาดเปิด ทำให้ราคากระโดดขึ้นหรือตกลงอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่น่าสนใจคือ Gap บางครั้งอาจแสดงถึงโอกาสทางเทคนิคในการทำกำไร เนื่องจากมีโอกาสสูงที่ตลาดจะมีพฤติกรรมปิด Gap ดังกล่าว นั่นคือ เมื่อราคากระโดดขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็ว สามารถมีโอกาสสูงที่ราคาจะย้อนกลับมายังราคาเดิมก่อนการกระโดดเพื่อปิด Gap นั้น
ตัวอย่างเช่น
ถ้า Gap กระโดดขึ้นสูงและสร้างแนวต้าน, โอกาสที่ราคาจะกลับมาปิด Gap ดังกล่าวโดยย้อนกลับลงมายังราคาเดิมก่อนการกระโดดจึงสูง ความเข้าใจนี้ทำให้เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์สามารถทำกำไรจากการเกิด Gap ดังกล่าว
แต่ควรระวังว่าไม่เสมอที่ Gap จะถูกปิด บางครั้งตลาดอาจเดินไปในทิศทางเดียวกันกับ Gap และไม่กลับมายังราคาเดิม โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานหรือแนวโน้มของตลาดที่แข็งแกร่ง
ดังนั้นเทรดเดอร์ควรมีแผนการจัดการความเสี่ยงในการเทรด Gap และไม่ควรวางเดิมพันโดยมองเพียงแค่โอกาสในการปิด Gap เท่านั้น แต่ยังควรพิจารณาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและมีกลยุทธ์เพื่อควบคุมความเสี่ยงนั้นให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้
ประเภทของ Gap ช่องว่างในกราฟราคา มีอะไรบ้าง
ช่องว่างหรือ Gap ในกราฟราคามีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทจะมีความหมายและสัญญาณที่แตกต่างกัน ดังต่อไปนี้
Breakaway Gap (ช่องว่างการหลุดตัว)
- ปรากฏเมื่อสิ้นสุดรูปแบบราคาและสัญญาณการเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ ช่องว่างประเภทนี้เกิดขึ้นเมื่อราคาทดสอบระดับบนกราฟ เช่น ระดับรับ, ระดับต้าน, หรือเส้นแนวโน้ม และราคาก็ทำการกระโดดข้ามระดับดังกล่าวเพื่อเริ่มต้นแนวโน้มใหม่ในทิศทางของการระเบิดออกมา
Continuation Gap (ช่องว่างการดำเนินต่อ)
- เกิดขึ้นในระหว่างรูปแบบราคาและสัญญาณการรีบไปในทิศทางเดียวกันของแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้น หากมีช่องว่างขึ้นระหว่างแนวโน้มขาขึ้น นั้นหมายถึง Continuation Gap แบบขาขึ้น และถ้ามีช่องว่างระหว่างแนวโน้มขาลง ก็หมายถึง Continuation Gap แบบขาลง
Exhaustion Gap (ช่องว่างการสิ้นสุด)
- เกิดขึ้นใกล้กับการสิ้นสุดรูปแบบราคา แสดงถึงการพยายามสุดท้ายที่จะตั้งราคาสูงสุดหรือต่ำสุด หลังจากช่องว่างนี้ราคามักจะมีการกลับกลางหรือเปลี่ยนแนวโน้ม
Common Gap (ช่องว่างธรรมดา)
- เป็นช่องว่างที่ไม่สามารถกำหนดเป็นรูปแบบราคาใด ๆ และเป็นช่องว่างที่มักเกิดขึ้นเป็นประจำ ไม่ได้มีสาเหตุจากข่าวหรือเหตุการณ์ใด ๆ
Weekend Gap (ช่องว่างวันหยุดสุดสัปดาห์)
- เป็นช่องว่างที่เกิดขึ้นหลังจากวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งเกิดจากข่าวหรือเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นระหว่างวันหยุด และเมื่อตลาดเปิดใหม่ราคาจะเปิดที่ตำแหน่งที่แตกต่างจากการปิดในวันก่อนหน้า
ข้อมูลเพิ่มเติม
ช่องว่างหรือ Gap ในกราฟราคาเป็นสิ่งที่นักลงทุนหลายคนจับตามอง ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงทางจิตวิญญาณของตลาด แต่ยังเป็นตัวบ่งชี้ที่ช่วยวิเคราะห์แนวโน้มราคาได้
เมื่อเราพูดถึงช่องว่างในกราฟราคา เรามักจะสงสัยว่าเหตุใดเมื่อตลาดเปิดราคาจึงมีการกระโดดขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็วจนทำให้เกิดช่องว่างนั้นขึ้น หลายกรณีเกิดจากข่าวหรือเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อมูลค่าของสินค้าหรือหุ้น บางครั้งก็อาจเกิดจากการตัดสินใจของนักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งเมื่อพวกเขาตัดสินใจซื้อหรือขายจำนวนมาก ก็สามารถส่งผลกระทบต่อราคาในตลาดได้
ทั้งนี้การที่นักลงทุนรู้จักและเข้าใจถึงช่องว่างแต่ละประเภทในกราฟราคาจะช่วยให้เขาสามารถวิเคราะห์และตีความราคาในแต่ละช่วงเวลาได้ดียิ่งขึ้น เช่น เมื่อเกิด Breakaway Gap นักลงทุนสามารถเริ่มต้นคำนึงถึงการเข้าร่วมแนวโน้มใหม่ หรือเมื่อเกิด Exhaustion Gap ก็ควรระมัดระวังการกลับตัวของราคา เพื่อใช้ในการตัดสินใจลงทุน การวิเคราะห์ช่องว่างทางเทคนิคต้องเกิดขึ้นภายใต้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะ Gap บางประเภทอาจไม่ยืนยันแนวโน้มทางระยะยาว แต่เป็นเพียงสัญญาณชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้น การรวมมือกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ และข้อมูลภายนอกจะช่วยให้การวิเคราะห์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
กลยุทธ์การเทรดกำไรช่วง Gap
กลยุทธ์การเทรดช่วง Gap สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในตลาดฟอเร็กซ์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรามีข้อมูลความน่าจะเป็นในการปิด Gap ของแต่ละคู่เงิน เช่น EURUSD มีโอกาสปิด Gap ประมาณ 66% หรือ GBPJPY ที่มีโอกาสปิด Gap ในระดับ 70-71% ข้อมูลนี้สามารถนำมาช่วยในการประเมินความเสี่ยง และทำการวางแผนการเทรดในตอนเช้าของวันจันทร์เมื่อตลาดเปิดทำการ หลังจากที่เกิด Gap ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในการทำกำไรจาก Gap ควรให้ความสำคัญกับการเลือกคู่เงินที่มีโอกาสการปิด Gap สูง และศึกษากราฟของคู่เงินเหล่านี้ การวิเคราะห์ข้อมูลแบบนี้จะทำให้เรามีโอกาสที่จะเข้าเทรดและทำกำไรได้มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเราเลือกกราฟที่ใช้ timeframe 30 นาที ซึ่งจะทำให้เราเห็นราคาที่เปลี่ยนแปลงในช่วง 30 นาทีแรกของวันเปิดตลาด และตัดสินใจเรื่องการเข้าเทรดได้ดีขึ้น
เมื่อเราเข้าใจในความน่าจะเป็นและกราฟราย 30 นาที การเทรด Gap จะไม่ยากอีกต่อไป เราสามารถวางแผนการเทรดของเราโดยตรง และตั้งแต่เริ่มต้นเลือกเทรดในคู่เงินที่มีโอกาสปิด Gap สูงที่สุด
นอกจากนั้นยังควรจะมีการวางแผนควบคุมความเสี่ยงให้ดี ด้วยการตั้ง Stop Loss และ Take Profit ตามที่คิดว่าเหมาะสม และไม่ลืมวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานเพื่อคาดการณ์ถึงแนวโน้มราคาที่จะเกิดขึ้นหลังจาก Gap ถูกปิด วิธีนี้จะช่วยให้การเทรดของเรามีประสิทธิภาพและทำกำไรได้มากขึ้น
สรุปกลยุทธิ์ได้ง่ายๆ ดังนี้
- การเทรด Gap มีโอกาสปิด Gap แตกต่างกันตามคู่เงิน โดย EURUSD มีโอกาสปิด Gap ประมาณ 66% และ EURJPY, GBPUSD, และ GBPJPY มีโอกาสปิด Gap ประมาณ 70-71%
- การศึกษากราฟคู่เงินที่มีโอกาสปิด Gap สูงสามารถเพิ่มโอกาสทำกำไรจากการเทรด
- แนะนำให้ใช้กราฟ timeframe 30 นาที เพื่อวิเคราะห์ราคาในช่วงเวลาเฉพาะหลังตลาดเปิด
- ความเข้าใจในความน่าจะเป็นของ Gap และการวิเคราะห์กราฟช่วยในการตัดสินใจเข้าเทรด
- การตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit เป็นส่วนสำคัญในการควบคุมความเสี่ยงของการเทรด
- การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานเป็นเครื่องมือเสริมในการคาดการณ์แนวโน้มราคาหลังจาก Gap ถูกปิด
ขั้นตอนการเทรด Gap เพื่อเข้าทำกำไร
การเทรด Gap เป็นกลยุทธ์ที่นักเทรดใช้ตามจับ Gap ที่เกิดขึ้นในกราฟราคา. ด้านล่างเป็นขั้นตอนการเทรด Gap โดยย่อ
- ค้นหา Gap บนกราฟ: เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบกราฟราคาเพื่อหา Gap ที่เกิดขึ้นเมื่อเปิดตลาด
- ประเมินขนาดของ Gap: ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Gap มีขนาดที่เกิน 20 จุดหรือไม่ Gap ที่มีขนาดเล็กกว่านี้อาจไม่คุ้มค่าที่จะเทรด
- รอแท่งกราฟราย 30 นาที: ดูแท่งกราฟราย 30 นาทีแรกเพื่อดูว่า Gap จะปิดหรือไม่ในช่วงเวลานั้น
- การตัดสินใจเปิดออเดอร์
- หาก Gap มีแนวโน้มขึ้น คำนึงถึงการเปิดออเดอร์ขาย
- หาก Gap มีแนวโน้มลง คำนึงถึงการเปิดออเดอร์ซื้อ
- ตั้งค่า Take Profit และ Stop Loss
- Take Profit: ตั้งไว้ตามการประเมิน Gap และราคาปิดของวันก่อน
- Stop Loss: ตั้งค่าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเทรดและความผันผวนของตลาด
- ระมัดระวังเวลาเทรด: หาก Gap มีขนาดเพียง 20 จุดและแท่งเทียนแรกในวันจันทร์เคลื่อนที่ใกล้ Gap มากๆ, อาจควรพิจารณาเลี่ยงการเทรด
- การปิดออเดอร์: สำหรับนักเทรดแบบ day trade ควรระมัดระวังหาก Gap ยังไม่ปิดภายใน 24 ชั่วโมง
- ทบทวนและประเมินผล: หลังจากปิดออเดอร์ ทบทวนและประเมินผลการเทรด เพื่อปรับปรุงและพัฒนากลยุทธ์ในอนาคต
จังหวะที่ควรเข้าเทรด
การเทรด Gap ในตลาดหุ้นและตลาดทั่วไปต้องการความระมัดระวังมาก เพราะว่า Gap ที่เกิดขึ้นไม่ได้หมายความว่าตลาดจะเคลื่อนที่ในทิศทางนั้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเทรด Gap อย่างมีประสิทธิภาพ, ควรให้ความสนใจกับระยะห่างและความสัมพันธ์ระหว่าง Gap และการเคลื่อนที่ของแท่งเทียน:
- ความสัมพันธ์ระหว่าง Gap และแท่งเทียน 30 นาทีแรก
- แม้ Gap จะมีขนาดเล็กเพียง 20 จุด แต่ถ้าแท่งเทียน 30 นาทีแรกของวันจันทร์เคลื่อนที่ใกล้ Gap อย่างรวดเร็ว สัญญาณนี้อาจแนะนำว่า Gap จะปิดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ราคาปิด Gap ได้ก่อนที่คุณจะได้รับกำไร
- จุด Take Profit ที่สมเหตุสมผล
- ควรมีจุดเป้าหมายการทำกำไรที่อยู่ห่างจากราคาปัจจุบันอย่างน้อย 20 จุด เพื่อให้มีความคุ้มค่าต่อการเสี่ยงที่เกิดขึ้น หากระยะห่างระหว่างราคาปัจจุบันกับจุด Take Profit น้อยกว่า 20 จุด การเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นอาจไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่คาดหวัง
- คำปรึกษา
- ถ้าไม่แน่ใจว่าควรเทรด Gap หรือไม่ อาจควรรอดูการเคลื่อนที่ของตลาดในเวลาถัดไป หรือพิจารณาใช้กลยุทธ์เทรดอื่นที่ไม่มีความเสี่ยงสูง
- การตรวจสอบภาพรวมของตลาด
- ประเมินข้อมูลทั่วไปของตลาด, ข่าวสาร และปัจจัยการศึกษาพื้นฐานอื่นๆ ที่อาจมีผลต่อ Gap เพื่อให้คำตัดสินใจที่ดีที่สุด
จุดอ่อนของการเทรด Gap
การเทรด Gap นั้นเป็นกลยุทธ์ที่หลายคนใช้ในการคาดการณ์และหากำไรในตลาด แต่เช่นเดียวกับกลยุทธ์การเทรดอื่น ๆ การเทรด Gap ก็มีจุดอ่อนของมันเอง
- โอกาสในการปิด Gap
- แม้ว่า Gap จะมีโอกาสปิดตัวที่ระหว่าง 66-71% แต่ยังมีโอกาสถึง 29-34% ที่ Gap จะไม่ถูกปิด เนื่องจากนั้น นักเทรดควรรับรู้ความเสี่ยงนี้ก่อนการเข้าเทรด
- จำนวนครั้งในการเกิด Gap
- Gap ไม่เกิดขึ้นบ่อยๆ ถึงแม้คุณจะติดตาม 4 คู่สกุลเงินหรือตราสารทางการเงิน, แต่คุณอาจมีโอกาสเปิดออเดอร์จาก Gap ได้เพียง 5 ครั้งต่อเดือน ดังนั้น การเทรด Gap ควรเป็นกลยุทธ์เสริมแทนที่จะเป็นกลยุทธ์หลัก
- ระยะเวลาในการปิด Gap
- แม้ว่า Gap ส่วนใหญ่จะปิดภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่เกิดขึ้น แต่บางครั้ง Gap อาจต้องการเวลาถึง 24 ชั่วโมงในการปิด สำหรับนักเทรดแบบ day trade นี่อาจหมายความว่าคุณจำเป็นต้องปิดออเดอร์ก่อนที่คุณจะได้กำไร