ค่า macd คืออะไร
MACD หรือ Moving Average Convergence Divergence เป็นตัวชี้วัดที่มีความนิยมมากในการเทรดในตลาด Forex ส่วนใหญ่เทรดเดอร์จะเห็นและใช้ MACD ในลักษณะที่ประกอบไปด้วย Histogram แต่ในความเป็นจริงยังมีรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจของ MACD คือ MACD แบบ 2 เส้น หรือที่เรียกว่า “2-line MACD”
ที่แตกต่างของ MACD แบบ 2 เส้น กับรูปแบบปกติคือ การแสดงผลของความสัมพันธ์ไม่ได้เป็น Histogram แต่เป็นเส้น 2 เส้นที่เคลื่อนไหวตามแนวความคิดที่มีการซื้อ และการขาย การลดรายละเอียดของ Indicator ออกมานั้น เป็นเพราะต้องการให้การวิเคราะห์นั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วและกระชับ ไม่ต้องดูรายละเอียดที่ซับซ้อนในการวิเคราะห์
การใช้ MACD แบบ 2 เส้นนี้ เหมาะสมสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์และเทรดมาอย่างชำนาญ เพราะจะทำให้เข้าใจแนวความคิดในการวิเคราะห์ได้ง่ายและรวดเร็ว ในขณะที่สำหรับผู้ที่ยังเป็นมือใหม่ การเริ่มต้นด้วย MACD แบบปกติที่มี Histogram เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เนื่องจากมันจะช่วยให้เข้าใจและฝึกฝนกับกลยุทธิ์การเทรดในช่วงเริ่มต้นได้ดีขึ้น
ค่า macd ที่เหมาะสมในการเทรด forex
ค่า MACD (Moving Average Convergence Divergence) ที่เหมาะสมในการเทรด Forex ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดและวัตถุประสงค์ของแต่ละเทรดเดอร์ แต่ค่าพารามิเตอร์มาตรฐานที่นิยมในการใช้งาน MACD คือ
- ระยะเวลาของเส้น MACD (Fast Line): 12
- ระยะเวลาของเส้น Signal (Slow Line): 26
- ระยะเวลาของเส้น Signal Line: 9
เมื่อเทรดเดอร์ใช้ค่าพารามิเตอร์เหล่านี้ MACD จะเป็นตัวชี้วัดของความต่างระหว่างเส้นเคลื่อนที่เฉลี่ยสะสม 12 วัน และเส้นเคลื่อนที่เฉลี่ยสะสม 26 วัน ในขณะที่เส้น Signal จะเป็นเส้นเคลื่อนที่เฉลี่ยสะสม 9 วันของเส้น MACD เอง
การปรับแต่งค่าพารามิเตอร์ของ MACD สามารถทำได้เพื่อให้เหมาะกับสไตล์การเทรด วิธีการวิเคราะห์ และระยะเวลาที่ต้องการเทรด
ตัวอย่างเช่น
- เทรดเดอร์ที่ชอบการเทรดแบบสั้น อาจปรับแต่งเป็น 5 13 9 แทน
- เทรดเดอร์ที่เทรดในระยะยาวอาจปรับเป็น 24 52 18
ทำความเข้าใจอินดิเคเตอร์ MACD บนกราฟราคา
อินดิเคเตอร์ MACD เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในวงการนักลงทุน ทั้งนี้ด้วยความสามารถในการจับจังหวะและวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด ภายในเครื่องมือนี้ประกอบด้วยเส้น MACD ซึ่งสร้างจากความแตกต่างระหว่าง EMA สองช่วงเวลา และเส้นสัญญาณที่เป็น EMA ของเส้น MACD ซึ่งค่าที่เกิดจากการคำนวณเหล่านี้สะท้อนถึงแนวโน้มและความแรงของราคาในตลาด
ในแต่ละครั้งที่เส้น MACD และเส้นสัญญาณตัดกัน จุดเหล่านั้นก็เป็นจังหวะที่เทรดเดอร์ควรจับตาดู ว่าเป็นจังหวะที่ดีที่สุดในการซื้อหรือขายหรือไม่ และเมื่อพิจารณาค่า Histogram ก็จะเป็นการช่วยให้เราเห็นถึงระยะห่างระหว่างเส้น MACD และเส้นสัญญาณที่ยิ่งขยับไปในทิศทางเดียวกันยิ่งแสดงถึงความแรงของแนวโน้ม
การประยุกต์ใช้ MACD ไม่ได้มีเพียงวิธีเดียว แต่สำคัญที่สุดคือเทรดเดอร์ควรรู้จักการวิเคราะห์จากอินดิเคเตอร์หลายๆ ชนิดเพื่อให้มีการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมและยืนยันสัญญาณที่ได้จาก MACD โดยอย่างที่เคยกล่าวไว้ เครื่องมือแต่ละชนิดจะมีจุดเด่นและข้อจำกัดเฉพาะของมัน การรู้จักใช้ประโยชน์จากมันเป็นสิ่งที่สำคัญในการเทรดและการให้ความน่าเชื่อถือของสัญญาณเทรดที่ได้
การตั้งค่า MACD
MACD ที่รู้จักกันในวงการนักลงทุนเป็นเครื่องมือที่มีความประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ราคา อาศัยหลักการของการคำนวณความแตกต่างระหว่าง EMA สองช่วงเวลา คือ ‘a’ และ ‘b’ ปัจจัยนี้เป็นตัวเลขหลักที่สร้างเส้น MACD ซึ่งเมื่อเส้น MACD นี้ถูกคำนวณอีกครั้ง ผ่าน EMA ช่วงเวลา ‘c’ ก็จะได้เส้นสัญญาณหรือ Signal Line ออกมา
แนวคิดนี้ได้รับการปรับใช้โดยนักลงทุนในทั่วโลก ทั้งยังได้รับการยืนยันจากการทดลองใช้งานในช่วงเวลาต่างๆ แต่เพื่อให้เหมาะสมที่สุด นักลงทุนควรคำนึงถึงพารามิเตอร์เริ่มต้น (12 26 9) ที่เป็นแนวทางทั่วไป แต่ยังสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อทดลองหาแนวทางที่เหมาะสมกับวิธีการลงทุนของตนเองได้
ทั้งนี้ กราฟ MACD ยังเปิดประตูสู่การวิเคราะห์ต่างๆ อาทิ การสังเกตุเมื่อเส้น MACD และเส้นสัญญาณตัดกัน ซึ่งนักลงทุนสามารถใช้สัญญาณนี้เป็นจังหวะที่จะเริ่มการซื้อขาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแนวคิด วิธีการและกลยุทธ์ลงทุนของแต่ละคน แต่สำหรับใครที่ต้องการเริ่มต้นการใช้งาน MACD แนะนำให้ทำความเข้าใจในความหมาย วิธีการคำนวณ และการปรับแต่งพารามิเตอร์ให้เหมาะสมกับวิธีการลงทุนของตนเอง
การตั้งค่า MACD ใน MT4
การตั้งค่า MACD ใน MT4 (MetaTrader 4) เป็นเรื่องที่ค่อนข้างง่ายและเข้าใจได้ไม่ยาก มาดูขั้นตอนต่างๆ กัน
- เปิดโปรแกรม MetaTrader 4: หลังจากเข้าสู่ระบบด้วยบัญชีของคุณแล้ว ควรมีกราฟราคาของสินค้าหรือคู่เงินที่คุณต้องการวิเคราะห์ในตัว MT4 ขึ้นมา
- เลือกเมนู Insert (แทรก): ในแถบเมนูด้านบนของโปรแกรม คลิกที่ “Insert” จากนั้นเลือก “Indicators” แล้วเลือก “Oscillators” และคลิก “MACD”
- ตั้งค่าพารามิเตอร์: จะมีหน้าต่างการตั้งค่า MACD ปรากฎขึ้นมา เราสามารถตั้งค่าต่างๆ เช่น
- Fast EMA: โดยปกติจะเป็น 12
- Slow EMA: โดยปกติจะเป็น 26
- MACD SMA: โดยปกติจะเป็น 9
- และยังสามารถปรับแต่งสีและความหนาของเส้นได้ตามความต้องการ
- ยืนยันการตั้งค่า: หลังจากปรับแต่งพารามิเตอร์ตามความต้องการ คลิก OK เพื่อยืนยันการเพิ่ม MACD ลงบนกราฟราคา
- อินดิเคเตอร์ MACD จะปรากฎบนกราฟราคา: เมื่อทำขั้นตอนทั้งหมดเรียบร้อย คุณจะเห็นเส้น MACD และเส้นสัญญาณ (Signal Line) บนกราฟราคา หากต้องการปรับแต่งหรือลบ MACD ออกจากกราฟ คลิกขวาบนกราฟและเลือก “Indicators List” จากนั้นแก้ไขหรือลบตามความต้องการ
สูตรและค่าความหมาย macd
MACD (Moving Average Convergence Divergence) เป็นตัวชี้วัดทางเทคนิคที่นิยมในการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาตราสารทางการเงิน ทำให้นักลงทุนสามารถตรวจสอบและตัดสินใจซื้อ-ขายได้ดีขึ้น ส่วนของค่าใน MACD มีดังนี้
เส้น MACD: มันเป็นผลลัพธ์ของการลบค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เอ็กซ์โพเนนเชียล (EMA) ในระยะเวลาสั้น (เช่น 12 วัน) จาก EMA ในระยะเวลายาว (เช่น 26 วัน) นั่นคือ
- เส้น MACD = EMA(12 วัน) – EMA(26 วัน)
เส้น Signal (หรือเรียกว่าเส้นสัญญาณ): เป็น EMA ของเส้น MACD ที่มักจะตั้งค่าในระยะเวลา 9 วัน เส้นนี้ช่วยในการตรวจสอบสัญญาณการซื้อหรือขายของเส้น MACD นั่นคือ
- เส้น Signal = EMA(9 วัน ของ เส้น MACD)
Histogram (แผนภูมิแท่ง): คือ ความแตกต่างระหว่างเส้น MACD และเส้น Signal หากเส้น MACD อยู่เหนือเส้น Signal Histogram จะเป็นบวก; แต่ถ้าเส้น MACD อยู่ใต้เส้น Signal Histogram จะเป็นลบ
- Histogram = เส้น MACD – เส้น Signal
ความหมายของแต่ละค่า
- เส้น MACD: ระบุแนวโน้มปัจจุบันของตลาด ถ้าเส้น MACD ขยับขึ้น ตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แต่ถ้าเส้น MACD ขยับลง ตลาดอยู่ในแนวโน้มขาลง
- เส้น Signal: เป็นตัวระบุสัญญาณซื้อหรือขาย แนวโน้มของตลาดเมื่อเทียบกับการเคลื่อนที่ในระยะยาว
- Histogram: ช่วยระบุความแข็งแกร่งของแนวโน้มปัจจุบัน ถ้า Histogram ขยับขึ้นและเป็นบวก แนวโน้มขาขึ้นมีความแข็งแกร่ง ถ้ามันขยับลงและเป็นลบ แนวโน้มขาลงมีความแข็งแกร่ง
หลักการใช้ MACD หรือ Moving Average Convergence Divergence
MACD (Moving Average Convergence Divergence) หรือ เส้นความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ คือ ตัวชี้วัดทางเทคนิคที่สร้างขึ้นโดย Gerald Appel ในปี 1970s เพื่อที่จะช่วยตรวจสอบการเคลื่อนที่ของราคาหุ้น หรือ ตราสารทางการเงิน โดยการเปรียบเทียบระหว่างค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของราคาในระยะสั้นกับระยะยาว ข้อดีของ MACD คือ สามารถระบุแนวโน้ม และระบุสัญญาณซื้อขายได้
หลักการใช้ MACD
การตัดกันระหว่างเส้น MACD และเส้น Signal
- เมื่อเส้น MACD ตัดเส้น Signal จากล่างขึ้นมาแสดงถึงสัญญาณซื้อ (Bullish Crossover)
- เมื่อเส้น MACD ตัดเส้น Signal จากด้านบนลงมาแสดงถึงสัญญาณขาย (Bearish Crossover)
การเกิด Divergence
- เมื่อราคาของตราสารทางการเงินเกิดการขึ้นสูงยิ่งขึ้น แต่เส้น MACD ไม่สูงขึ้น แสดงถึงการเกิด Negative Divergence ซึ่งเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มจากขึ้นเป็นลง
- เมื่อราคาของตราสารทางการเงินเกิดการต่ำลง แต่เส้น MACD ไม่ต่ำลง แสดงถึงการเกิด Positive Divergence ซึ่งเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มจากลงเป็นขึ้น
การวิเคราะห์จาก Histogram
- Histogram ที่เป็นบวกและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แสดงถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
- Histogram ที่เป็นลบและลดลงเรื่อย ๆ แสดงถึงแนวโน้มขาลงที่แข็งแกร่ง
- การเปลี่ยนแปลงของ Histogram จากบวกเป็นลบ หรือ จากลบเป็นบวก สามารถใช้วิเคราะห์แนวโน้มได้
การวิเคราะห์จากเส้น MACD
- เส้น MACD ที่เป็นบวกและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แสดงถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
- เส้น MACD ที่เป็นลบและลดลงเรื่อย ๆ แสดงถึงแนวโน้มขาลงที่แข็งแกร่ง
MACD ในการวิเคราะห์ข้อมูลของตลาด
การใช้ MACD ในการวิเคราะห์ข้อมูลของตลาดไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะกับการระบุแนวโน้มเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้สำหรับการจับจังหวะซื้อ-ขายที่เหมาะสมในสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วย
- การบานเกิดและการตัดกันของเส้น: เมื่อเส้น MACD ตัดเส้น Signal จากด้านล่างขึ้นมา นั้นหมายถึงสัญญาณซื้อ แต่ถ้าเส้น MACD ตัดเส้น Signal จากด้านบนลงมา นั้นเป็นสัญญาณขาย
- การแตกต่างของ Histogram: ค่า Histogram ที่เพิ่มขึ้นแสดงถึงการเพิ่มขึ้นของแนวโน้มขาขึ้น ในขณะที่ค่า Histogram ที่ลดลงแสดงถึงการเพิ่มขึ้นของแนวโน้มขาลง
- การเกิด Divergence: สถานการณ์ที่ราคาตราสารทางการเงินเคลื่อนที่ในทิศทางตรงกันข้ามกับเส้น MACD เรียกว่า Divergence การเกิด Divergence นี้สามารถเป็นสัญญาณแนวโน้มใหม่ที่กำลังจะมาถึง
- การประเมินความแข็งแกร่งของแนวโน้ม: การวิเคราะห์ความสูงของ Histogram สามารถช่วยให้เราประเมินความแข็งแกร่งหรือความสัมพันธ์ของแนวโน้มได้
ทั้งนี้ แม้ว่า MACD จะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด แต่การใช้ MACD เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ นักลงทุนควรรวม MACD กับเครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ เพื่อให้ได้ภาพรวมที่ครอบคลุมและเพิ่มโอกาสที่จะทำกำไรจากการเทรด