คู่เงิน คืออะไร มาดูกัน
คู่เงิน Forex หรือที่เรียกว่า “คู่เงิน” (Currency Pair) คือ การเปรียบเทียบมูลค่าระหว่างสกุลเงินสองสกุลในตลาด Forex ซึ่งทำการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสกุลเงินเหล่านี้เป็นคู่ๆ เพื่อกำหนดราคาและต่อเนื่องต่อการเคลื่อนไหวของตลาด ทำให้นักลงทุนสามารถประมาณการความเสี่ยงและกำไรที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ขณะที่มีการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ จะต้องเปรียบเทียบสกุลเงินสองสกุลเกี่ยวกับมูลค่าของพวกเขากัน ตัวอย่างเช่น กับคู่เงิน EUR/USD ที่กำลังเปรียบเทียบว่า 1 ยูโรมีมูลค่าเท่าไรเมื่อนับเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ
ภายในคู่เงิน สกุลเงินที่แสดงก่อนหน้าเรียกว่า “สกุลเงินหลัก” (Base Currency) ในขณะที่สกุลเงินที่ปรากฏต่อมาเรียกว่า “สกุลเงินรอง” (Quote Currency) ยกตัวอย่างเช่น EUR/USD ซึ่งมี EUR เป็นสกุลเงินหลัก และ USD เป็นสกุลเงินรอง
การตีความของราคาในคู่เงินก็คือ การแปลค่าว่าสกุลเงินหลักมีค่าเท่าไรเมื่อนับด้วยสกุลเงินรอง ถ้าเราพิจารณาตัวอย่าง EUR/USD ที่ราคา 1.23 มันหมายความว่า 1 ยูโรมีค่าเท่ากับ 1.23 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ความเข้าใจที่ชัดเจนในเรื่องของ Base Currency และ Quote Currency ทำให้นักลงทุนสามารถวิเคราะห์และตัดสินใจที่ดีที่สุดในการเทรด รวมถึงการคำนวณวิธีการคำนวณ Pip ซึ่งเป็นหน่วยที่เอามาวัดการเคลื่อนไหวของราคาสกุลเงิน และเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างสกุลเงินในคู่ที่ทำการซื้อขายและทางที่ราคาจะเคลื่อนไหว
คู่เงินหลัก คืออะไร
เงินหลัก (Major Currency Pairs) ในตลาด Forex คือ คู่เงินที่มีการซื้อขายมากที่สุด และมีความนิยมสูงในตลาดการเงินระหว่างประเทศ คู่เงินเหล่านี้มักจะมีความเปิดเผยสูง สเปรดต่ำ และได้รับความสนใจมากจากนักลงทุนและนักเทรดทั่วโลก
คู่เงินหลัก มีอะไรบ้าง
- EUR/USD (ยูโร กับ ดอลลาร์สหรัฐ): คู่เงินนี้เป็นคู่เงินที่ซื้อขายมากที่สุดในตลาด Forex เนื่องจากยูโรและดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก การซื้อขายในคู่นี้จึงมีความคล่องแคล่วมาก
- USD/JPY (ดอลลาร์สหรัฐ กับ เยนญี่ปุ่น): เยนญี่ปุ่นเป็นสกุลเงินที่สำคัญของเอเชีย และเป็นสกุลเงินที่มีความปลอดภัยซึ่งนักลงทุนมักจะหันมาลงทุนเมื่อตลาดมีความไม่แน่นอน
- GBP/USD (ปอนด์สเตอร์ลิง กับ ดอลลาร์สหรัฐ): ปอนด์สเตอร์ลิงเป็นสกุลเงินที่มีอิทธิพลมากในตลาดการเงินโลก และมีความสัมพันธ์กับดอลลาร์สหรัฐที่ใกล้ชิด
- USD/CHF (ดอลลาร์สหรัฐ กับ ฟรังก์สวิส): ฟรังก์สวิสถือว่าเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัย เนื่องจากเศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์ที่มั่นคง
- AUD/USD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย กับ ดอลลาร์สหรัฐ): ออสเตรเลียเป็นผู้ส่งออกที่สำคัญของวัตถุดิบ เช่น ทองแดงและเหล็ก ดังนั้นสกุลเงิน AUD มักจะตอบสนองต่อราคาวัตถุดิบ
- USD/CAD (ดอลลาร์สหรัฐ กับ ดอลลาร์แคนาดา): แคนาดาเป็นผู้ส่งออกน้ำมันที่สำคัญ สกุลเงิน CAD จึงมักจะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมัน
- NZD/USD (ดอลลาร์นิวซีแลนด์ กับ ดอลลาร์สหรัฐ): นิวซีแลนด์เป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรเช่น นม ดังนั้นสกุลเงิน NZD มักจะตอบสนองต่อราคาสินค้าทางการเกษตร
คู่เงินรอง คืออะไร
คู่เงินรอง (Minor Pairs) คือ เป็นคู่เงินที่ไม่ได้มีดอลลาร์สหรัฐ (USD) ภายในคู่เงิน แต่ยังคงเป็นคู่เงินที่ซื้อขายเกิดขึ้นในปริมาณที่มากที่สุดในตลาด Forex หลังจากคู่เงินหลัก (Major Pairs) คู่เงินเหล่านี้มักจะมีความคล่องแคล่วน้อยกว่าคู่เงินหลักแต่ยังคงเป็นที่นิยมในบางกลุ่มนักลงทุน
คู่เงินรอง มีอะไรบ้าง
- EUR/GBP (ยูโร กับ ปอนด์สเตอร์ลิง): คู่เงินนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐกิจยูโรโซนและสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นสองจุดเศรษฐกิจใหญ่ในยุโรป การเปลี่ยนแปลงในนโยบายธนาคารกลางหรือเหตุการณ์เศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาคส่งผลต่อความแปรปรวนของคู่เงินนี้
- EUR/AUD (ยูโร กับ ดอลลาร์ออสเตรเลีย): สะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างยูโรโซนและออสเตรเลีย คู่เงินนี้อาจมีการแกว่งตัวสูงเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องนโยบายการค้าหรือราคาสินค้าทางเศรษฐกิจ เช่น ราคาทองหรือเหล็ก
- EUR/CAD (ยูโร กับ ดอลลาร์แคนาดา): สะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างยูโรโซนและแคนาดา ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อมีเรื่องเกี่ยวกับราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นทรัพยากรหลักของแคนาดา
- GBP/JPY (ปอนด์สเตอร์ลิง กับ เยนญี่ปุ่น): คู่เงินนี้มักถูกนิยมในหมู่นักเทรดที่ชื่นชอบความแปรปรวนสูง ความสัมพันธ์ระหว่างสหราชอาณาจักรและญี่ปุ่นส่งผลต่อความต้องการของเงินเยนในฐานะเป็นสกุลเงินปลอดภัย
- AUD/JPY (ดอลลาร์ออสเตรเลีย กับ เยนญี่ปุ่น): เป็นตัวบ่งชี้ความเสี่ยงในตลาดทั่วโลก ถ้านักลงทุนยอมรับความเสี่ยง เงินจะไหลเข้าสู่ดอลลาร์ออสเตรเลีย แต่ถ้าหลีกเลี่ยงความเสี่ยง เงินจะไหลเข้าสู่เยนญี่ปุ่น
- NZD/JPY (ดอลลาร์นิวซีแลนด์ กับ เยนญี่ปุ่น): เช่นเดียวกับ AUD/JPY แต่ส่วนใหญ่จะสะท้อนถึงเศรษฐกิจและการค้าของนิวซีแลนด์
คู่เงินหลัก คู่เงินรอง ต่างกันอย่างไร
คู่เงินในตลาด Forex สามารถแบ่งได้เป็นหมวดหมู่หลักๆ สองหมวด คือ “คู่เงินหลัก” (Major Pairs) และ “คู่เงินรอง” (Minor Pairs) แต่ละหมวดเป็นผลมาจากความแตกต่างของสกุลเงินที่รวมอยู่ในคู่และจุดเด่นของแต่ละสกุลเงินเป็นต้น
คู่เงินหลัก (Major Pairs)
- คู่เงินหลักประกอบด้วยสกุลเงินที่ใช้งานอย่างแพร่หลายของประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่และมั่นคง
- แทบทุกคู่ในหมวดหมู่นี้จะมี USD หรือ ดอลลาร์สหรัฐเป็นส่วนหนึ่งของคู่เงิน
- ปริมาณการซื้อขายสูง ทำให้มีความคล่องแคล่วและสเปรดต่ำ
- เนื่องจากเป็นสกุลเงินของประเทศที่มีความมั่นคงและมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลก เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงความเสี่ยงหรือเหตุการณ์เศรษฐกิจ ราคาของคู่เงินหลักมักจะมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
คู่เงินรอง (Minor Pairs)
- ไม่มี USD ในคู่เงิน
- ส่วนใหญ่ประกอบด้วยสกุลเงินของประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ แต่ไม่ใช่ตลาดหลักเช่น ยูโร ปอนด์สเตอร์ลิง หรือ ดอลลาร์ออสเตรเลีย
- ปริมาณการซื้อขายน้อยกว่าคู่เงินหลัก ทำให้ความคล่องแคล่วอาจน้อยลง แต่ยังคงมีความคล่องแคล่วที่เหมาะสมสำหรับการซื้อขาย
- ความเคลื่อนไหวของราคาอาจมีความไม่แน่นอนและสปิริตสูงกว่าบ้าง ทำให้เกิดโอกาสในการทำกำไร (หรือขาดทุน) มากขึ้น
ดังนั้น คู่เงินหลักและคู่เงินรองมีความแตกต่างกันทั้งในด้านความคล่องแคล่ว ความเสี่ยง และโอกาสในการทำกำไร
คู่เงินหลัก คู่เงินรองในตลาด Forex ที่วิ่งแรง
คู่เงิน Forex หรือที่เรียกว่า “คู่เงิน” ในโลกการเทรด คือ ความสัมพันธ์ที่แสดงถึงมูลค่าของสกุลเงินหนึ่งต่อสกุลเงินอีกหนึ่ง และนักเทรดจะใช้ความสัมพันธ์นี้ในการตัดสินใจซื้อหรือขาย เมื่อมองในมุมมองของศักยภาพทางการเงิน สกุลเงินบางสกุลมีสภาพคล่องน้อยเมื่อเทียบกับอื่นๆ ซึ่งทำให้การเทรดมันไม่ค่อยเหมาะสมหรือมีความเสี่ยงมากขึ้น
ทุกคู่เงินใน Forex จะประกอบด้วยสกุลเงินสองสกุล โดยสกุลเงินที่มาก่อนเรียกว่า “สกุลเงินหลัก” และสกุลเงินที่ปรากฏต่อมาเรียกว่า “สกุลเงินรอง” การกำหนดคู่เงินนั้นจะมาจากความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ เช่น สกุลเงินหลักในโลกการเงินประกอบด้วย USD EUR AUD CHF CAD JPY และ GBP
เมื่อเราพิจารณาคู่เงินที่เป็นที่นิยม เราจะสังเกตว่าสกุลเงินเหล่านี้เป็นสกุลเงินที่มีความเหลื่อมล้ำทางภูมิภาค ซึ่งทำให้มีการผันผวนและการเคลื่อนไหวราคาที่น่าสนใจ ตัวอย่างเช่น GBP/JPY และ GBP/NZD มีการผันผวนสูงเนื่องจากความแตกต่างทางภูมิภาคระหว่างยุโรปและเอเชีย หรือยุโรปและนิวซีแลนด์
การคัดเลือกคู่เงินที่จะเทรด นักเทรดควรจะมองกราฟระยะยาวเพื่อวิเคราะห์ความผันผวนในแต่ละปี นี่จะช่วยให้เข้าใจถึงศักยภาพของคู่เงินที่ต้องการเทรด อีกทั้งยังช่วยให้วางแผนการเทรดได้ดียิ่งขึ้น สรุปแล้ว คู่เงิน Forex ไม่ได้เป็นเพียงการเทียบเท่าของสกุลเงินสองสกุลเท่านั้น แต่ยังเป็นสะท้อนของศักยภาพและความเสี่ยงที่นักเทรดจะต้องพิจารณา
คู่เงินที่ไม่นิยมเทรด ในตลาดforex
ในตลาด Forex คู่เงินมีสองประเภทหลัก คือ คู่เงินหลัก (Major Pairs) และคู่เงินรอง (Minor Pairs) ซึ่งเป็นคู่เงินที่เกิดจากการจับคู่ของสกุลเงินหลักๆ กับกันเองหรือกับสกุลเงินอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ ยังมี “คู่เงินประเภท Exotic” ซึ่งเป็นคู่เงินที่มีสกุลเงินหนึ่งของประเทศที่มีเศรษฐกิจน้อยกว่าหรือไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหว เชื่อมโยงกับสกุลเงินหลัก
คู่เงินประเภท Exotic มักจะมีสภาพคล่องน้อยกว่า สเปรดสูงกว่า และมีความผันผวนมากกว่าคู่เงินหลักและรอง ซึ่งทำให้มันมีความเสี่ยงสูงกว่าในการเทรด บางครั้งก็อาจมีข้อมูลน้อยลง ทำให้การวิเคราะห์ยากขึ้น
ตัวอย่างของคู่เงินประเภท Exotic ได้แก่
- USD/TRY – ดอลลาร์สหรัฐกับลีราตุรกี: การเทรดในคู่เงินนี้มักจะเผชิญกับความผันผวนสูง เนื่องจากเศรษฐกิจของตุรกีที่มีสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจที่ไม่เสถียร การเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจและการเมืองของตุรกีสามารถส่งผลกระทบต่อค่าเงินลีราได้อย่างรวดเร็ว
- USD/ZAR – ดอลลาร์สหรัฐกับแรนด์แอฟริกาใต้: แอฟริกาใต้มีปัญหาเศรษฐกิจและการเมือง เช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเมือง ปัญหาเรื่องแรงงาน และอื่นๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความผันผวนของแรนด์
- USD/THB – ดอลลาร์สหรัฐกับบาทไทย: หลายครั้งที่เกิดเหตุการณ์การเมืองในประเทศไทยสามารถส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของบาท นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น การท่องเที่ยว และการค้าระหว่างประเทศที่มีผลต่อบาท
- USD/SGD – ดอลลาร์สหรัฐกับดอลลาร์สิงคโปร์: ดอลลาร์สิงคโปร์มักจะได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหวในเศรษฐกิจทั่วเอเชีย และสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับประเทศจีน
- USD/HKD – ดอลลาร์สหรัฐกับดอลลาร์ฮ่องกง: ดอลลาร์ฮ่องกงมีการผูกมัดกับดอลลาร์สหรัฐ แต่การเคลื่อนไหวในเศรษฐกิจและการเมืองของฮ่องกง โดยเฉพาะกับความสัมพันธ์กับประเทศจีน สามารถส่งผลกระทบต่อความผันผวนของดอลลาร์ฮ่องกงได้
คู่เงินประเภท Exotic บางคู่อาจยังมีศักยภาพในการสร้างกำไร แต่ควรระมัดระวังความเสี่ยงที่สูง สเปรดที่แพง และข้อมูลการวิเคราะห์ที่จำกัด