price action คืออะไร
Price Action คือ การศึกษาและวิเคราะห์สิ่งที่ราคาได้กระทำ ทำให้เป็นวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากที่สุด การศึกษาด้านนี้เน้นที่การแปลความหมายและการตีความสถานการณ์ของตลาดทางการเงิน โดยพิจารณาเฉพาะรูปแบบราคาที่ปรากฏบนกราฟ จึงได้รับชื่อว่าวิเคราะห์กราฟเปล่า
วิธีการนี้มักจะเน้นที่รูปแบบต่างๆ ซึ่งเกิดจากการที่มีการสะสมข้อมูลและสถิติเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของราคาในแต่ละรูปแบบ ดังนั้นเมื่อราคามีการเคลื่อนไหวตามรูปแบบที่เป็นที่รู้จัก ผู้วิเคราะห์สามารถทำนายได้ว่าราคาน่าจะเคลื่อนที่อย่างไรต่อไป ทำให้เทรดเดอร์นิยมใช้วิธีนี้เพราะมีข้อมูลสถิติที่สะสมมาเป็นเวลานาน
สิ่งที่สำคัญของ Price Action คือการสะท้อนถึงความต่อสู้ระหว่าง Buyer และ Seller ในตลาด ทำให้เมื่อเราสามารถเข้าใจรูปแบบและการเคลื่อนไหวของราคา เราจึงสามารถทราบได้ว่าในขณะนั้นผู้ซื้อหรือผู้ขายมีอิทธิพลมากกว่า นั่นคือการตีความสิ่งที่ราคาได้กระทำ แสดงถึงสถานะและการกระทำของผู้เล่นในตลาดผ่านการเคลื่อนไหวของราคา
ทำความรู้จักกับ Price Action ให้มากขึ้น
การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นเรื่องที่นิยมมากในหมู่เทรดเดอร์ โดยเทรดเดอร์ที่ใช้การวิเคราะห์นี้มักแบ่งตัวเองออกเป็น 3 ประเภท คือ กลุ่มที่ใช้ Indicator กลุ่มที่ดูแต่กราฟเปล่า และกลุ่มที่ใช้ทั้งสองอย่าง Star Trader จึงจะพาเทรดเดอร์ทุกคนไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Price Action มากขึ้น
การเทรดโดยใช้ Price Action ในหลักการแล้วคือการเทรดโดยใช้กราฟเปล่า ทำให้ไม่มีการใช้เครื่องมือ Indicator ไม่ว่าจะเป็น Moving Average Relative Strength Index หรือเครื่องมือต่างๆ และถึงแม้จะใช้ก็จะให้น้ำหนักเพียงเล็กน้อย สำหรับ Price Action ที่สำคัญจะมีดังนี้
Price Action จะนำพฤติกรรมของราคาในอดีตที่สะท้อนการต่อสู้ระหว่างแรงซื้อและแรงขายมาใช้คาดการณ์ทิศทางและรูปแบบของราคาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ตลาดเคลื่อนไปในแนวโน้ม คือการที่ตลาดปรับตัวขึ้นเป็นผลมาจากแรงซื้อที่เอาชนะแรงขาย แต่เมื่อแรงซื้อเริ่มอ่อนกำลังลงและแรงขายกลับมาเอาชนะ จะเกิดการเปลี่ยนแนวโน้มกลับเป็นขาลง
สำหรับ Price Action การใช้กราฟราคาเป็นเครื่องมือหลักเพราะกราฟนี้สามารถแสดงการเคลื่อนไหวของราคาในอดีตได้โดยเฉพาะกราฟแท่งเทียน กราฟนี้ช่วยให้เห็นทิศทางการต่อสู้ระหว่างแรงซื้อและแรงขายได้ชัดเจน สิ่งสำคัญในการใช้ Price Action คือความเข้าใจในความหมายที่เกิดขึ้นบนกราฟ ไม่ใช่เพียงการดูรูปทรงแท่งเทียนเท่านั้น แต่ยังต้องวิเคราะห์การต่อสู้ระหว่างแรงซื้อและแรงขายและคาดการณ์แนวโน้มราคาต่อไป การมีวิธีการเทรดที่ชัดเจนและการมีแผนการเทรดที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการเทรดด้วย Price Action
วิธีการดู price action
Up Bar (Bullish Bar)
เวลาพูดถึง “Up Bar” หรือ “Bullish Bar” นักเทรดต้องมีความเข้าใจว่ามันไม่ได้หมายถึงแค่สีของแท่งเทียนเท่านั้น แต่เป็นการบอกถึงความเคลื่อนไหวและความแรงของฝั่งซื้อภายในตลาดในช่วงเวลานั้นๆ ด้วย
- ลักษณะ: แท่งเทียนที่มีราคาสูงสุด (High) และราคาต่ำสุด (Low) ที่สูงกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า
- ความหมาย: สะท้อนถึงแรงขับเคลื่อนจากฝั่งซื้อ ซึ่งมีกำลังมากกว่าฝั่งขายในช่วงเวลานั้น
- สีแท่งเทียน: ส่วนใหญ่จะเป็นสีเขียว แต่หากมีการปิดราคาต่ำกว่าราคาเปิด แท่งเทียนก็อาจเป็นสีแดง แต่ยังคงถือว่าเป็น Up Bar ถ้ามีการทำ High และ Low ที่สูงขึ้น
การเกิดขึ้นของ Up Bar
- ขึ้นเมื่อมีความร้อนเร่งจากฝั่งซื้อ ทำให้ราคาปิดสูงขึ้นจากราคาเปิด ในกรณีของแท่งเทียนสีเขียว แต่หากเป็นแท่งเทียนสีแดงแสดงว่าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด แต่ยังคงมีราคา High และ Low ที่สูงขึ้นจากแท่งก่อนหน้า
- ความแรงของการซื้อสามารถสะท้อนให้เห็นจากความยาวของไส้เทียนและร่มเทียน
ความสำคัญของ Up Bar
- แสดงถึงสัญญาณการแน่นอนที่ตลาดมีแนวโน้มจะขยับขึ้น ในกรณีที่เกิด Up Bar หลังจากลงมาเรื่อยๆ อาจเป็นสัญญาณแรกๆ ของการกลับเป็นแนวโน้มขาขึ้น
- ภาพรวมของตลาดสามารถตีความได้หลายแบบ ขึ้นอยู่กับบริบทของกราฟและสถานะตลาดที่แท้จริง
การใช้งานในการเทรด
- ซื้อเมื่อเห็น Up Bar ในสภาพตลาดที่มีแนวโน้มขาขึ้น
- หรือในกรณีที่ตลาดมีแนวโน้มขาลง การปรากฏของ Up Bar อาจถือว่าเป็นโอกาสในการขายสั้น
Down Bar (Bearish Bar)
“Down Bar” หรือ “Bearish Bar” เป็นตัวบ่งบอกความเคลื่อนไหวของตลาดจากฝั่งขาย และเป็นสัญญาณของแนวโน้มราคาที่ต้องการจะเคลื่อนที่ลงต่ำกว่า การเข้าใจลักษณะและการใช้งานของ Down Bar สำคัญมากสำหรับนักเทรด
- ลักษณะ: แท่งเทียนที่มีราคาสูงสุด (High) และราคาต่ำสุด (Low) ที่ต่ำกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า
- ความหมาย: สะท้อนถึงแรงขับเคลื่อนจากฝั่งขาย ซึ่งมีกำลังมากกว่าฝั่งซื้อในช่วงเวลานั้น
- สีแท่งเทียน: ส่วนใหญ่จะเป็นสีแดง แต่หากมีการปิดราคาสูงกว่าราคาเปิด แท่งเทียนก็อาจเป็นสีเขียว แต่ยังคงถือว่าเป็น Down Bar ถ้ามีการทำ High และ Low ที่ต่ำลง
การเกิดขึ้นของ Down Bar
- ปรากฎเมื่อมีความร้อนเร่งจากฝั่งขาย ส่งผลให้ราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิดในกรณีของแท่งเทียนสีแดง หากเป็นแท่งเทียนสีเขียวแสดงว่าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด แต่ราคา High และ Low ยังคงต่ำกว่าแท่งก่อนหน้า
- ความแรงของการขายสะท้อนในความยาวของไส้เทียนและร่มเทียน
ความสำคัญของ Down Bar
- แสดงถึงสัญญาณแรกๆ ของการเริ่มมีแนวโน้มลง และอาจเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นของแนวโน้มขาลง
- ช่วยในการวิเคราะห์ความรู้สึกและความคาดหวังของนักลงทุนภายในตลาด
การใช้งานในการเทรด
- ขายหรือขายสั้นเมื่อเห็น Down Bar ในสภาพตลาดที่มีแนวโน้มขาลง
- ในสภาพตลาดที่มีแนวโน้มขาขึ้น การปรากฏของ Down Bar อาจเป็นโอกาสในการซื้อเมื่อเริ่มมีการกลับตัวของตลาด
Inside Bar (Narrow Range Bar)
“Inside Bar” หรือ “Narrow Range Bar” เป็นแบบแผนของกราฟที่เป็นสัญญาณว่ามีการคาดหวังหรือความไม่แน่นอนในตลาดซึ่งสามารถใช้เป็นโอกาสในการเทรดได้ถ้าคุณรู้วิธีการอ่านและวิเคราะห์ด้วยวิธีที่ถูกต้อง
- ลักษณะ: แท่งเทียนที่ราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดอยู่ภายในขอบเขตของแท่งเทียนก่อนหน้า
- ความหมาย: ราคาแสดงความไม่แน่นอนหรือการรอการเปลี่ยนแปลงทิศทาง สะท้อนถึงความไม่แน่นอนในตลาด หรือการรอดูข่าวสารหรือเหตุการณ์ที่สำคัญ
การเกิดขึ้นของ Inside Bar
- ปรากฏเมื่อนักลงทุนมีความลังเลและไม่มั่นใจในการตัดสินใจ ทำให้ราคาไม่สามารถขยับไปข้างบนหรือข้างล่างได้มากนัก ส่งผลให้เกิด Inside Bar
- บ่อยครั้งที่เราจะเห็น Inside Bar หลังจากแท่งที่มีการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรง
ความสำคัญของ Inside Bar
- สัญญาณแสดงถึงความลังเลและการรอดูของนักลงทุน ซึ่งสามารถนำไปสู่การเคลื่อนไหวที่แรงขึ้นในอนาคต
- หาก Inside Bar ปรากฏในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับแนวโน้มปัจจุบัน มันอาจบ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้ม
การใช้งานในการเทรด
- หากกราฟเปิดในแนวโน้มขาขึ้น แล้วมี Inside Bar การซื้อหลังจากการแตกทางข้างบนของ Inside Bar สามารถพิจารณาได้
- ในทางกลับกัน หากราคาเปิดในแนวโน้มขาลง การขายหรือขายสั้นเมื่อราคาแตกลงมาข้างล่างของ Inside Bar จะเป็นทางเลือก
Outside Bar (Mother Bar หรือ Wide Range หรือ Engulfing Bar)
“Outside Bar” หรือ “Engulfing Bar” เป็นสัญญาณการเทรดที่นักลงทุนให้ความสนใจอย่างมากเนื่องจากมันบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางหรือการกลับตัวของแนวโน้ม การที่แท่งปัจจุบันสามารถ “กลืน” หรือปกคลุมราคาแท่งก่อนหน้าแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงความรู้สึกหรือมุมมองของนักลงทุนในตลาด
- ลักษณะ: แท่งเทียนที่ราคาสูงสุดเกินแท่งก่อนหน้า และราคาต่ำสุดก็ต่ำกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า
- ความหมาย: สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางของตลาด และฝั่งที่มีความแรงกำลังขยับราคาไปในทิศทางของตน
การเกิดขึ้นของ Engulfing Bar
- เมื่อตลาดเป็นแบบแผน “Engulfing” นั้นแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงของความรู้สึกในตลาด
- Engulfing Bar มักจะปรากฏเมื่อตลาดได้รับข้อมูลใหม่หรือการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
ความสำคัญของ Engulfing Bar
- “Bullish Engulfing” บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของผู้ซื้อ และเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้มเป็นขาขึ้น
- “Bearish Engulfing” บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของผู้ขาย และเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้มเป็นขาลง
การใช้งานในการเทรด
- เมื่อเห็น “Bullish Engulfing” ในการเทรดในแนวโน้มลง นั้นอาจเป็นสัญญาณที่ดีที่จะเริ่มการซื้อ
- ในทางกลับกัน “Bearish Engulfing” ในแนวโน้มขาขึ้นอาจเป็นสัญญาณของการขายหรือขายสั้น
Pin Bar
“Pin Bar” หรือ “Pinocchio Bar” เป็นแผนภาพแท่งเทียนที่มีลักษณะเฉพาะตัวและเป็นที่นิยมในการเทรดสำหรับนักลงทุนทางเทคนิค แท่ง Pin Bar นี้บ่งบอกถึงการปฏิเสธของตลาดในระดับราคาบางแห่ง
- ลักษณะ: แท่งเทียนที่มีไส้เทียนยาวๆ โดยเฉพาะที่ฝั่งตรงข้ามกับราคาปิด
- ความหมาย: สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางของตลาดในระยะสั้น แสดงถึงการยืนยันของแรงซื้อหรือแรงขาย
ลักษณะของ Pin Bar
- มี”ไส้”หรือ”เงา”ที่ยาวมากเมื่อเทียบกับ”ตัว”หรือ”เม็ด”ของแท่งเทียน
- “ตัว”ของ Pin Bar ควรจะเล็กเมื่อเทียบกับ”ไส้”
ความหมายของ Pin Bar
- Bullish Pinbar: เป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้มเป็นขาขึ้น โดยบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของผู้ซื้อในการผลักดันราคากลับขึ้นหลังจากที่ถูกปฏิเสธไปแล้ว
- Bearish Pinbar: เป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้มเป็นขาลง แสดงถึงความแข็งแกร่งของผู้ขายที่ผลักดันราคาให้ตกลงหลังจากเดิม
การใช้ Pin Bar ในการเทรด
- เมื่อพบ Bullish Pinbar ที่ด้านล่างของการย้อนกลับหรือที่ระดับรองรับ นั้นอาจเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการซื้อ
- เมื่อพบ Bearish Pinbar ที่ด้านบนของการย้อนกลับหรือที่ระดับความต้านทาน นั้นอาจเป็นสัญญาณของการขายหรือขายสั้น
ใช้อะไรในการพิจารณา Price Action
การพิจารณา Price Action ผ่านกราฟแท่งเทียน
Price Action เป็นศาสตร์ทางเทคนิคที่วิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาโดยไม่ได้พิจารณาตัวชี้วัดทางเทคนิคเพิ่มเติม ในการวิเคราะห์ Price Action กราฟแท่งเทียนเป็นส่วนสำคัญที่ไม่สามารถข้ามไปได้ ดังนี้
ข้อมูลในแท่งเทียน
- High: ราคาสูงสุดในช่วงเวลาที่กำหนด (เช่น รายวัน รายชั่วโมง)
- Low: ราคาต่ำสุดในช่วงเวลานั้น
- Open: ราคาเมื่อเริ่มต้นช่วงเวลานั้น
- Close: ราคาในตอนสิ้นสุดของช่วงเวลานั้น
รูปแบบแท่งเทียน
- Buyer Candle (บางครั้งเรียกว่า Bullish Candle): เมื่อราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด ทำให้แท่งเทียนมีสีขาว (หรือสีอื่นๆ ที่ผู้ใช้กำหนด) บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของผู้ซื้อในช่วงเวลานั้น
- Seller Candle (หรือ Bearish Candle): เมื่อราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด แท่งเทียนจะมีสีดำ (หรือสีอื่นๆ) แสดงถึงการควบคุมของผู้ขายในช่วงเวลานั้น
การสร้างเรื่องราวจากแท่งเทียน
- แท่งเทียนไม่ได้ให้เราเห็นเฉพาะราคาเท่านั้น แต่ยังบ่งบอกถึงความต่อสู้ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย หากเราสามารถอ่านและเข้าใจแท่งเทียนได้ จะสามารถพยากรณ์แนวโน้มตลาดต่อไปได้
การเชื่อมโยงแท่งเทียน
- แท่งเทียนเดียวๆ อาจไม่มีความหมายมากนัก แต่เมื่อเราเรียงแท่งเทียนหลายๆ แท่งเข้าด้วยกัน จะสร้างรูปแบบ (Pattern) ที่มีความหมาย เช่น Pin Bar Engulfing Pattern Inside Bar ฯลฯ
การรวมกับองค์ประกอบอื่น
- ศาสตร์ Price Action ไม่ได้พิจารณาแค่แท่งเทียนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงระดับรองรับและความต้านทาน แนวโน้ม และรูปแบบอื่นๆ ที่สะท้อนถึงพฤติกรรมของตลาด
เมื่อนำทุกองค์ประกอบมาพิจารณาร่วมกัน Price Action จะช่วยให้นักลงทุนมีภาพรวมที่ชัดเจนของตลาด และทำการตัดสินใจในการเทรดได้อย่างมั่นใจมากขึ้น