Stop-Order-คืออะไร-วิธีการใช้งาน

Stop Order คืออะไร

Stop Order คือ เครื่องมือที่นักเทรดใช้เพื่อกำหนดราคาที่ต้องการซื้อหรือขายสินทรัพย์ เมื่อถึงจุดราคาที่ระบุล่วงหน้า เพื่อลดความเสี่ยงหรือเพื่อทำกำไร ซึ่งอาจเป็นการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มหรือข่าวในตลาด

ประเภทคำสั่งซื้อของ Stop Order

Buy Stop Order

Buy Stop Order คือ ประเภทของคำสั่งซื้อในตลาดการเงินที่ใช้สั่งซื้อหลังจากราคาของสินทรัพย์ครบถึงหรือผ่านราคาที่ผู้ลงทุนกำหนดไว้ ซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อผู้ลงทุนคาดว่าเมื่อราคาของสินทรัพย์ผ่านจุดที่กำหนด ตลาดจะยังคงเคลื่อนที่ในทิศทางเดียวกับทิศทางของคำสั่งซื้อ Buy Stop Order นั้น อาจถูกใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการพลาดโอกาสการซื้อในตลาดที่กำลังเคลื่อนที่ขึ้นแบบเร็ว หรือเพื่อควบคุมความเสี่ยงในกรณีที่ผู้ลงทุนมีคำสั่ง Sell Short และต้องการตั้งคำสั่งซื้อกลับเพื่อปิดสถานะ Short ของตน เมื่อตลาดเคลื่อนที่ขึ้นสูงเกินจุดที่ผู้ลงทุนกำหนด

อีกทั้ง Buy Stop Order มีคุณสมบัติที่ช่วยให้ผู้ลงทุนมีการเข้าร่วมในการเคลื่อนที่ของตลาดที่เป็นมิตรแต่สิ่งที่ควรระวังคือคำสั่งซื้อนี้ไม่รับประกันว่าจะถูกดำเนินการในราคาที่กำหนด หากตลาดเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว คำสั่งซื้ออาจถูกดำเนินการในราคาที่สูงหรือต่ำกว่าที่ตั้งไว้

การสั่งซื้อสินทรัพย์เมื่อราคาของสินทรัพย์นั้นถึงหรือเกินราคาที่ผู้เทรดกำหนดไว้ ซึ่งราคาดังกล่าวจะสูงกว่าราคาปัจจุบัน

ตัวอย่างเช่น ถ้าหุ้น A มีราคาในปัจจุบันอยู่ที่ 50 บาท และนักเทรดต้องการซื้อหุ้นเมื่อราคาขึ้นถึง 55 บาท เขาสามารถตั้ง Buy Stop Order ที่ราคา 55 บาทได้

Sell Stop Order

ในทางกลับกัน คือ การสั่งขายสินทรัพย์เมื่อราคาของสินทรัพย์นั้นตกลงมาถึงหรือต่ำกว่าราคาที่ผู้เทรดกำหนดไว้ ซึ่งราคาดังกล่าวจะต่ำกว่าราคาปัจจุบัน

Sell Stop Order เป็นประเภทของคำสั่งขายในตลาดการเงินที่ผู้ลงทุนจะตั้งคำสั่งขายสินทรัพย์ของตนเมื่อราคาของสินทรัพย์ตกถึงหรือต่ำกว่าราคาที่ผู้ลงทุนกำหนดไว้ ซึ่งเมื่อสั่ง Sell Stop Order ผู้ลงทุนมักคาดหวังว่าหลังจากราคาของสินทรัพย์ถึงจุดที่กำหนด ตลาดจะยังคงเคลื่อนที่ลงมาในทิศทางเดียวกับทิศทางของคำสั่งขาย

Sell Stop Order มักถูกใช้ในสถานการณ์ที่ผู้ลงทุนต้องการลดความเสี่ยงจากการลงทุนที่มีอยู่ โดยตั้งคำสั่งขายล่วงหน้าเพื่อจำกัดการสูญเสียในกรณีที่ตลาดเคลื่อนที่ไม่ได้ตามที่คาดหมาย

นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Sell Stop Order เพื่อเปิดสถานะการขายสั้น (Sell Short) เมื่อคาดว่าตลาดจะลดลง แต่สิ่งที่ควรระวังคือ ในกรณีที่ตลาดเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว คำสั่งขายนี้ไม่มีการรับประกันว่าจะดำเนินการในราคาที่กำหนด อาจเกิดการดำเนินการในราคาที่ต่ำกว่าที่ตั้งไว้ได้ ซึ่งจะทำให้ผู้ลงทุนได้รับการสูญเสียมากกว่าที่คาดหมายไว้

เช่น ถ้าหุ้น A มีราคาในปัจจุบัน 100 บาท และนักเทรดต้องการขายหุ้นเมื่อราคาตกลงมาถึง 95 บาท เขาสามารถตั้ง Sell Stop Order ที่ราคา 95 บาทได้

Stop Loss Order

คือ การตั้งค่าราคาเพื่อขายสินทรัพย์เมื่อราคาตลาดตกลงมาถึงราคาที่กำหนด ซึ่งมักใช้เพื่อจำกัดการขาดทุนในกรณีที่ราคาตลาดเคลื่อนที่ในทิศทางที่ไม่มีประโยชน์ต่อผู้ลงทุน

Stop Loss Order เป็นคำสั่งที่ผู้ลงทุนใช้ เพื่อป้องกันการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุน โดยเฉพาะในการเทรดหุ้น ค่าเงิน สินค้า หรือตราสารการเงินอื่น ๆ การใช้ Stop Loss Order ช่วยให้ผู้ลงทุนกำหนดระดับราคาที่จะขายสินทรัพย์ออกไปหากตลาดเคลื่อนที่ไม่ไปในทิศทางที่คาดหวัง โดยมีเป้าหมายหลักคือการจำกัดการสูญเสียและควบคุมความเสี่ยง และความสำคัญของ Stop Loss Order มาจากการที่มันช่วยให้ผู้ลงทุนมีการวางแผนและกำหนดกรอบความเสี่ยงที่ยอมรับได้ล่วงหน้าได้

แต่ควรระวังว่าเมื่อตลาดมีความผันผวนสูง Stop Loss Order อาจจะถูกขึ้นแม้ว่าการเคลื่อนที่ของราคานั้นจะเป็นชั่วคราว ส่งผลให้ผู้ลงทุนพลาดโอกาสที่ดีที่ราคาสินทรัพย์จะกลับขึ้นอีกครั้ง อีกข้อควรระวังหนึ่งคือการที่ Stop Loss Order กลายเป็น Market Order เมื่อราคาถึงระดับที่กำหนด ซึ่งหมายความว่าหากมีข่าวสารไม่ดีที่ทำให้ราคาตกตะลึงผู้ลงทุนอาจจะขายในราคาที่ต่ำกว่าที่ตั้งไว้

Stop Loss Order ช่วยให้ผู้ลงทุนมีความรู้สึกอยู่ในความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เนื่องจากได้กำหนดระดับการสูญเสียไว้ล่วงหน้า แต่ควรใช้มันอย่างระมัดระวังและพิจารณาในบริบทของกลยุทธ์การลงทุนโดยรวม การกำหนด Stop Loss ให้เหมาะสมจะช่วยประโยชน์ในการลงทุนในระยะยาว และเป็นส่วนสำคัญของการจัดการความเสี่ยง

เทคนิคการใช้ Stop Order มักจะยึดตามกราฟแนวโน้ม หรือข่าวที่มีผลต่อราคาในตลาด เช่น การที่มีข่าวร้ายเกี่ยวกับบริษัทนั้น จะทำให้ราคาหุ้นของบริษัทนั้นตก ผู้เทรดอาจตั้ง Sell Stop Order เพื่อจำกัดการขาดทุน หรือในกรณีที่มีข่าวดีทำให้ราคาหุ้นขึ้น ผู้เทรดก็สามารถตั้ง Buy Stop Order เพื่อนำไปสู่กำไร ดังนั้น Stop Order เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์และเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเทรดในตลาดการเงิน

ตัวอย่างเช่น

หากผู้ลงทุนซื้อหุ้นในราคา 100 บาทและตั้ง Stop Loss Order ที่ 90 บาท นั่นหมายความว่าหากราคาหุ้นลดลงมาถึง 90 บาท คำสั่งขายจะถูกขึ้นและหุ้นจะถูกขายออกไป ซึ่งจำกัดการสูญเสียไว้ที่ 10%

Stop Limit Order

Stop Limit Order เป็นอีกหนึ่งคำสั่งที่ผู้ลงทุนใช้เพื่อให้มีความยืดหยุ่นในการเทรดและจัดการความเสี่ยง มันเป็นการผสมผสานระหว่าง Stop Order และ Limit Order เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถกำหนดทั้งราคาที่ต้องการให้คำสั่งเริ่มทำงาน (Stop Price) และราคาที่ต้องการให้ทำการซื้อหรือขาย (Limit Price) ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด

เมื่อราคาของสินทรัพย์ครอบคลุมถึงราคา Stop ที่กำหนดไว้ Stop Limit Order จะกลายเป็น Limit Order ที่ราคาที่ผู้ลงทุนตั้งไว้ นั่นหมายความว่าการซื้อหรือขายจะเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อราคาถึงหรือดีกว่าราคา Limit

นอกจากจะกำหนดราคาสั่งซื้อ/ขายเมื่อถึงจุดที่ต้องการแล้ว ผู้ลงทุนยังสามารถกำหนดราคา Limit ที่ต้องการซื้อหรือขายหลังจากที่ Stop Order ถูกเรียกดำเนินการ ทำให้มีการควบคุมราคาที่ดีขึ้น แต่ก็มีโอกาสที่สั่งซื้อ/ขายอาจไม่ถูกดำเนินการหากราคาตลาดไม่ถึงราคา Limit ที่กำหนด

Stop Limit Order ไม่ได้รับการรับรองว่าจะทำให้สัญญาซื้อขายเกิดขึ้น เพราะหากไม่มีการซื้อขายในราคา Limit หรือราคาที่ดีกว่า คำสั่งจะยังคงอยู่และไม่ได้ดำเนินการ ตัวอย่างเช่น ในกรณีที่หุ้นลดราคามาถึง 50 บาทแต่ราคาขายถัดไปเป็น 53 บาท และไม่มีการขายในราคา 52 บาทหรือต่ำกว่านั้น คำสั่งของผู้ลงทุนจะไม่ถูกดำเนินการ

ดังนั้น Stop Limit Order เป็นเครื่องมือที่มีความยืดหยุ่นในการเทรด แต่ยังคงมีความเสี่ยงที่การดำเนินการอาจไม่เกิดขึ้น การใช้คำสั่งนี้อย่างมีประสิทธิภาพต้องขึ้นอยู่กับความเข้าใจของผู้ลงทุนเกี่ยวกับดัชนีของตลาดและการวิเคราะห์สถานการณ์เฉพาะ การใช้ Stop Limit Order สามารถช่วยผู้ลงทุนป้องกันความเสี่ยงและมีการเทรดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ยกตัวอย่าง

หากผู้ลงทุนต้องการซื้อหุ้นแต่ต้องการให้ราคาหุ้นลดลงก่อนเป็นอย่างน้อยถึง 50 บาท แต่ไม่ต้องการจ่ายเกิน 52 บาท ผู้ลงทุนสามารถตั้ง Stop Limit Order ด้วย Stop Price ที่ 50 บาท และ Limit Price ที่ 52 บาท ดังนั้น เมื่อราคาหุ้นลดลงถึง 50 บาท คำสั่งจะกลายเป็น Limit Order ที่ราคา 52 บาท

Trailing Stop Order

ต่างจาก Stop Loss ที่มีการกำหนดราคาเฉพาะ เนื่องจากมันเป็นการตั้งค่าเป็นเปอร์เซ็นต์ของราคา หากราคาสินทรัพย์เพิ่มขึ้น ราคา Stop จะเพิ่มขึ้นตาม แต่หากราคาตก ราคา Stop จะไม่เปลี่ยนแปลง ช่วยให้ผู้ลงทุนได้รับประโยชน์จากการขยับขึ้นของราคาสินทรัพย์ แต่ยังคงควบคุมความเสี่ยงจากการตกของราคา

ข้อจำกัดของ Stop Order

มันไม่รับประกันว่าคำสั่งจะถูกดำเนินการในราคาที่ผู้ลงทุนต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ตลาดเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หรือในตลาดที่มีปริมาณการซื้อขายต่ำ

การใช้กับกลยุทธ์

Stop Order มักถูกนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลงทุนที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เช่น การใช้คู่กับ Limit Order เพื่อสร้าง “Bracket Order

ลักษณะคุณสมบัติ Stop Order อย่างถูกต้อง

ในการลงทุน Stop Order เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญเพื่อควบคุมความเสี่ยงและรับมือกับสถานการณ์ในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนควรเข้าใจลักษณะ คุณสมบัติ และวิธีการใช้งาน Stop Order อย่างถูกต้อง

  • ความหมายของ Stop Order: Stop Order เป็นคำสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์เมื่อราคาของสินทรัพย์นั้นถึงหรือเลยราคาที่ผู้ลงทุนกำหนดไว้ สำหรับ Buy Stop Order, คำสั่งจะถูกขึ้นเมื่อราคาขึ้นถึงราคาที่กำหนด ส่วน Sell Stop Order, คำสั่งจะถูกขึ้นเมื่อราคาตกถึงราคาที่กำหนด
  • การป้องกันความเสี่ยง: Stop Order มักใช้เป็นวิธีในการป้องกันการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการเคลื่อนที่ของตลาด ในกรณีที่ตลาดเคลื่อนที่ตรงกันข้ามกับทางที่ผู้ลงทุนคาดหวัง
  • การเข้าตลาด: ผู้ลงทุนบางคนใช้ Stop Order เป็นวิธีการเข้าตลาด สำหรับ Buy Stop Order, คำสั่งอาจถูกใช้เมื่อผู้ลงทุนคาดว่าหากราคาขึ้นถึงราคาที่กำหนด ราคาอาจจะเติบโตต่อไป ส่วน Sell Stop Order, คำสั่งอาจถูกใช้เมื่อคาดว่าราคาจะต่ำลงต่อไปหากราคาตกถึงราคาที่กำหนด
  • ลักษณะการดำเนินการ: เมื่อราคาถึงหรือเลยราคา Stop Order, คำสั่งจะกลายเป็น Market Order, ซึ่งหมายความว่าคำสั่งจะดำเนินการทันทีในราคาที่ใกล้ที่สุดในตลาด ซึ่งอาจไม่ใช่ราคาที่กำหนดไว้
  • ปัจจัยที่มีผลต่อการดำเนินการ: ในตลาดที่มีความผันผวนสูง การดำเนินการ Stop Order อาจมีราคาที่ต่างจากที่ผู้ลงทุนกำหนด ซึ่งเรียกว่า “Slippage” ทำให้ผู้ลงทุนได้รับการสูญเสียมากกว่าที่คาดหมาย
  • ระยะเวลา: Stop Order มีตัวเลือกสำหรับการตั้งค่าระยะเวลา สามารถตั้งค่าให้คำสั่งมีอายุได้ตามที่ต้องการ หรือให้คำสั่งมีอายุสิ้นสุดในวันนั้นเอง
  • เครื่องมือสำหรับการเข้าถึง: Stop Order มักใช้ผ่านแพลตฟอร์มการเทรดของโบรกเกอร์ ซึ่งผู้ลงทุนสามารถตั้งค่าได้ตามความต้องการ
  • ความครบถ้วน: Stop Order เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งในการลงทุน ผู้ลงทุนควรประกอบด้วยวิเคราะห์ตลาด ความเข้าใจในสินทรัพย์ และวางแผนการเงินเพื่อตัดสินใจการลงทุนที่ถูกต้อง.
  • การจำกัด: การดำเนินการ Stop Order ไม่รับประกันราคา โดยเฉพาะในตลาดที่มีความผันผวนสูง การดำเนินการอาจต่างจากราคาที่ผู้ลงทุนตั้งไว้
  • การประเมิน: ผู้ลงทุนควรประเมินและปรับปรุงการใช้ Stop Order ตามสถานการณ์ตลาดและกลยุทธ์การลงทุนของตนเอง ทำให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดจากการใช้ Stop Order

วิธีการใช้งาน Stop Order 1

วิธีการใช้งาน Stop Order 2

วิธีการใช้งาน Stop Order

  • ตระหนักถึงเป้าหมายและความเสี่ยง: ก่อนอื่นควรกำหนดเป้าหมายการลงทุนและความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ นั่นคือ คุณยอมรับความเสียหายในระดับใด และต้องการใช้ Stop Order เพื่อป้องกันความเสียหายนั้น
  • ทำความเข้าใจกับประเภทของ Stop Order: เรียนรู้และเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Buy Stop, Sell Stop, Stop Loss, และ Stop Limit Order เพื่อเลือกประเภทที่เหมาะสมกับเป้าหมายการลงทุนของคุณ
  • กำหนดราคา Stop: คำนึงถึงราคาที่คุณต้องการให้คำสั่งดำเนินการ สำหรับ Stop Limit Order คุณยังต้องกำหนดราคา Limit ด้วย
  • การวิเคราะห์: ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐานเพื่อดูแนวโน้มของตลาด และตัดสินใจเกี่ยวกับราคา Stop ที่เหมาะสม
  • ตั้งคำสั่ง Stop Order กับโบรกเกอร์: ใช้แพลตฟอร์มการเทรดเพื่อตั้งคำสั่ง Stop Order โดยระบุรายละเอียดที่ต้องการ
  • ตรวจสอบคำสั่ง: หลังจากตั้งคำสั่งแล้ว ควรตรวจสอบอย่างละเอียดว่าคำสั่งมีรายละเอียดตามที่คุณต้องการหรือไม่
  • ปรับปรุงและตรวจสอบ: เนื่องจากราคาสินทรัพย์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ควรตรวจสอบและปรับปรุงคำสั่ง Stop Order ของคุณอย่างสม่ำเสมอ
  • ตระหนักถึงความเสี่ยง: แม้ว่า Stop Order จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการจัดการความเสี่ยง แต่ยังคงมีความเสี่ยงที่คำสั่งจะไม่ได้ดำเนินการในราคาที่ต้องการ เนื่องจากราคาตลาดอาจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
  • ปิดคำสั่ง: หากคำสั่ง Stop Order ถูกดำเนินการหรือคุณต้องการยกเลิกคำสั่ง ควรดำเนินการปิดคำสั่งด้วย

เงื่อนไขและลักษณะของคำสั่ง Stop Order

คำสั่ง Stop Order เป็นเครื่องมือที่นักลงทุนใช้เพื่อจัดการกับความเสี่ยงของการลงทุน โดยมีเงื่อนไขเฉพาะที่นักลงทุนจะตั้งไว้ และจะเปิดการซื้อขายเมื่อราคาที่ตลาดไปถึงจุดที่กำหนด

คำสั่ง Stop Order มีลักษณะเด่นดังนี้

  1. การระบุสัญญาที่ใช้เป็นเงื่อนไข (Stop Series): นักลงทุนสามารถกำหนดสัญญาเฉพาะที่จะใช้ในการตรวจสอบเงื่อนไข และอาจไม่เหมือนกับสัญญาที่ต้องการซื้อขาย
  2. การตั้งเงื่อนไขการรั้งคำสั่ง (Stop Condition): ที่นักลงทุนสามารถกำหนดได้ตาม 6 เงื่อนไขที่กำหนดไว้ เช่น
  • Bid ≤ Stop Price: คำสั่งจะเริ่มทำงานเมื่อราคาเสนอซื้อสูงสุดน้อยกว่าหรือเท่ากับราคาที่รั้งไว้
  • Bid ≥ Stop Price: เมื่อราคาเสนอซื้อสูงสุดมากกว่าหรือเท่ากับราคาที่รั้งไว้
  • Offer ≤ Stop Price: เมื่อราคาเสนอขายต่ำสุดน้อยกว่าหรือเท่ากับราคาที่รั้งไว้
  • Offer ≥ Stop Price: เมื่อราคาเสนอขายต่ำสุดมากกว่าหรือเท่ากับราคาที่รั้งไว้
  • Last ≤ Stop Price: เมื่อราคาเสนอซื้อขายล่าสุดน้อยกว่าหรือเท่ากับราคาที่รั้งไว้
  • Last ≥ Stop Price: เมื่อราคาเสนอซื้อขายล่าสุดมากกว่าหรือเท่ากับราคาที่รั้งไว้
  1. การกำหนดราคาที่รั้งไว้ (Stop Price): นักลงทุนต้องกำหนดราคาที่ต้องการให้คำสั่งเริ่มทำงาน

เมื่อเงื่อนไขที่กำหนดมีผลบังคับใช้ คำสั่ง Stop Order จะเป็นการส่งคำสั่งซื้อขายเข้าระบบโดยอัตโนมัติ โดยมี 2 ประเภทหลัก คือ:

  • Stop Market Order: นักลงทุนไม่ต้องระบุราคาที่ต้องการซื้อขาย เมื่อเงื่อนไขเป็นจริง คำสั่งจะถูกส่งเข้าระบบในรูปแบบ Market Order ซึ่งคำสั่งนี้จะให้ความสำคัญกับการซื้อขายทันทีมากกว่าราคา
  • Stop Limit Order: เมื่อเงื่อนไขเป็นจริง คำสั่งจะถูกส่งเข้าระบบในรูปแบบ Limit Order โดยนักลงทุนสามารถกำหนดราคาที่ต้องการซื้อขาย

ในการเริ่มต้นการใช้งานคำสั่ง Stop Order นักลงทุนควรเลือกใช้เงื่อนไขที่ง่าย และสัญญาที่ต้องการซื้อขาย เพื่อไม่ทำให้ซับซ้อน และเมื่อมีประสบการณ์แล้ว สามารถปรับใช้เงื่อนไขอื่น ๆ เพื่อตอบสนองต่อเป้าหมายและวัตถุประสงค์การลงทุนของตนเองได้