แนวรับ คืออะไร
“แนวรับ” หรือ “Support Line” ในตลาด Forex คือ ระดับราคาที่ถูกระบุเป็นจุดที่ราคาของคู่สกุลเงิน (currency pair) มักจะไม่ตกต่ำกว่านั้นในช่วงเวลาที่กำหนด แนวรับนี้สามารถเป็นจุดสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิค คือการวิเคราะห์ตลาดจากข้อมูลราคา ปริมาณ และค่าอื่น ๆ ที่สะท้อนในกราฟราคา
ในสถานการณ์ที่ราคาของคู่สกุลเงินมีแนวโน้มลดลง (downtrend) แล้วจับต้นกลับขึ้นเมื่อถึงระดับราคาแนวรับ นักลงทุนหรือเทรดเดอร์มักจะให้ความสนใจที่จะซื้อหรือเปิด Long Position ณ จุดนั้น ในความหมายทางทฤษฏี จุดแนวรับนี้ถือเป็นสัญญาณของ “ความถูกต้อง” หรือ “คุ้มค่า” ของคู่สกุลเงิน ซึ่งนักลงทุนจำนวนมากเชื่อว่าไม่ควรจะขายหรือ Short อยู่ใต้ระดับนี้
เหมือนกับการลงทุนหรือการเทรดในสินทรัพย์ชนิดอื่น การใช้แนวรับใน Forex จะต้องใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ และสิ่งที่ควรจำไว้เสมอคือ การวิเคราะห์ทางเทคนิคไม่ใช่วิธีที่ “รับประกัน” การเคลื่อนไหวของราคา 100% แต่เป็นเพียงการประเมินและจัดการความเสี่ยงในการลงทุนหรือการเทรด
แนวต้าน คืออะไร
“แนวต้าน” หรือ “Resistance Line” ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคของตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดเงินตราต่างประเทศ (Forex) คือ ระดับราคาที่แสดงถึงจุดที่ราคาของหลักทรัพย์หรือสกุลเงินมีแนวโน้มจะไม่สามารถขึ้นไปข้างบนได้เพิ่มเติมในช่วงเวลานั้น ณ ระดับราคาแนวต้านนี้ ผู้ขายมักจะเริ่มเข้ามาในตลาดและผู้ซื้อจะมีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้ราคาหยุดอยู่หรือลดลง
แนวต้านเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการซื้อหรือขาย จุดนี้ถือเป็น “จุดออก” ที่ดีสำหรับผู้ที่มี “long position” และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของ “short position” หากราคาไม่สามารถผ่านแนวต้านไปข้างบนได้
ถ้าหลักทรัพย์หรือสกุลเงินสามารถขึ้นไปเกินแนวต้านแล้วปิดราคาข้างบนแนวต้าน แนวต้านเก่านั้นจะกลายเป็น “แนวรับ” หรือ “Support Line” สำหรับระดับราคาใหม่ ทำให้เป็นจุดที่นักลงทุนอาจจะคิดถึงเรื่องการซื้อหลักทรัพย์หรือสกุลเงินเข้าไปใหม่
แนวต้านเป็นองค์ประกอบสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิคและถูกใช้ร่วมกับองค์ประกอบทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อช่วยในการทำนายทิศทางของราคาและเพื่อจัดการความเสี่ยงในการลงทุนหรือการเทรด
เปรียบเทียบแนวรับแนวต้าน (Support,Resistance)
การเข้าใจแนวรับ (Support Line) และแนวต้าน (Resistance Line) มีความสำคัญในการลงทุนหรือการเทรดในตลาด Forex หรือตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ดังนั้น ที่นี่เป็นตารางเปรียบเทียบระหว่างทั้งสอง
หัวข้อ | แนวรับ (Support Line) | แนวต้าน (Resistance Line) |
หน้าที่ | ระดับที่ราคามีแนวโน้มไม่จะตกลงอีก | ระดับที่ราคามีแนวโน้มไม่จะขึ้นอีก |
จุดเริ่มต้น | จุดที่ผู้ซื้อเริ่มเข้ามามากขึ้น | จุดที่ผู้ขายเริ่มเข้ามามากขึ้น |
สัญญาณ | แสดงถึงจุดที่ราคาอาจจะรับเข้าไป | แสดงถึงจุดที่ราคาอาจจะถูกกดดันลง |
การใช้งาน | อาจเป็นจุดซื้อสำหรับนักลงทุน | อาจเป็นจุดขายสำหรับนักลงทุน |
การเปลี่ยนแปลง | ถ้าราคาผ่านไปข้างบน กลายเป็นแนวต้าน | ถ้าราคาผ่านไปข้างล่าง กลายเป็นแนวรับ |
สถิติและข้อมูล | ช่วยในการตั้ง Stop-Loss | ช่วยในการตั้ง Take-Profit |
ความเสี่ยง | ใช้ในการประเมินความเสี่ยงของการซื้อ | ใช้ในการประเมินความเสี่ยงของการขาย |
อุปสรรค | ราคาแทบจะไม่ตกต่ำกว่านี้ | ราคาแทบจะไม่สูงกว่านี้ |
คำนิยาม
- แนวรับ (Support): “หยุดร่วง, เริ่มขึ้น”
- แนวต้าน (Resistance): “หยุดขึ้น, เริ่มร่วง”
วิธีดูแนวรับ แนวต้าน ในการเทรด Forex
การดูแนวรับ (Support Line) และแนวต้าน (Resistance Line) ในการเทรด Forex ทำได้หลายวิธี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแนวคิดการลงทุนและสไตล์การเทรดของคุณ ดังนี้คือขั้นตอนที่คุณสามารถทำตาม
1. อ่านกราฟราคา
ใช้กราฟแท่งเทียน (Candlestick), กราฟแท่งเส้น (Bar chart), หรือกราฟเส้น (Line chart) ขึ้นอยู่กับความชอบของคุณ
2. วิเคราะห์ระดับราคาในอดีต
หาจุดที่ราคาเคยสัมผัสและเปลี่ยนทิศทางมากที่สุด จุดเหล่านี้คือจุดที่มีแนวรับหรือแนวต้าน
3. วาดเส้น
ใช้เครื่องมือเส้นในแพลตฟอร์มการเทรดเพื่อวาดเส้นตามจุดที่คุณพบ
4. คอนเฟิร์มระดับ
ถ้าราคาสัมผัสเส้นที่คุณวาดแล้วเปลี่ยนทิศทาง 2-3 ครั้งหรือมากกว่า คุณสามารถถือว่าเป็นแนวรับหรือแนวต้านที่แน่นอนมากยิ่งขึ้น
5. ปรับเส้นและระดับ
ควรปรับเส้นและระดับตามข้อมูลใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น
6. ใช้ในการตัดสินใจ
- แนวรับ: อาจเป็นจุดที่ดีในการซื้อหรือตั้ง Stop-Loss
- แนวต้าน: อาจเป็นจุดที่ดีในการขายหรือตั้ง Take-Profit
7. ระวัง “Breakout” และ “Breakdown”
ราคาไม่จำเป็นต้องหยุดที่แนวรับหรือแนวต้านเสมอไป การที่ราคาผ่านไปข้างบนแนวต้าน หรือผ่านไปข้างล่างแนวรับ ถือเป็นสัญญาณที่สำคัญ
8. รวมทั้งองค์ประกอบอื่นๆ
ใช้แนวรับและแนวต้านร่วมกับตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่นๆ หรือข้อมูลข่าวสารเพื่อวิเคราะห์ในมุมมองที่ครบถ้วน
วิธีการตีแนวรับ (Support) แนวต้าน (Resistant)
วิธีการตีแนวรับ (Support)
- เลือกกราฟราคา: มองหากราฟราคาในช่วงเวลาที่คุณสนใจ ซึ่งอาจจะเป็นกราฟรายวัน รายชั่วโมง หรือรายนาที ตามที่คุณต้องการ
- หาจุดที่ราคาสัมผัสและเด้งกลับ: จุดเหล่านี้คือจุดที่ราคาลงมาแตะและเด้งขึ้น หาจุดเหล่านี้ในกราฟของคุณ
- วาดเส้นแนวรับ: ใช้เครื่องมือวาดเส้นในแพลตฟอร์มการเทรดของคุณ แล้ววาดเส้นแนวนอนผ่านจุดที่คุณหาได้
วิธีการตีแนวต้าน (Resistance)
- เลือกกราฟราคา: ใช้กราฟเดียวกันหรือกราฟในช่วงเวลาที่แตกต่างออกไป ถ้าคุณต้องการ
- หาจุดที่ราคาสัมผัสและเด้งกลับ: ในครั้งนี้ คุณจะหาจุดที่ราคาขึ้นไปถึงแล้วเด้งลง หาจุดเหล่านี้ในกราฟของคุณ
- วาดเส้นแนวต้าน: ใช้เครื่องมือวาดเส้นและวาดเส้นแนวนอนผ่านจุดที่คุณพ
เทคนิคการใช้ แนวรับและแนวต้าน
ใช้กราฟเปล่า: การลดสิ่งที่เกินเจริญจากกราฟราคาจะทำให้คุณมีมุมมองที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในการวิเคราะห์แนวรับและแนวต้าน กราฟเปล่ามักจะมีเพียงแท่งราคาและ/หรือเทียนญี่ปุ่น ทำให้คุณสามารถจุดเห็นจุดสำคัญได้ง่ายขึ้น
เลือกใช้กรอบเวลาที่เหมาะสม: ตามที่ได้กล่าวไว้ แนวรับและแนวต้านในกรอบเวลาที่ยาว (เช่น รายวัน รายสัปดาห์) มักจะถือว่ามีนัยสำคัญมากกว่าในกรอบเวลาที่สั้น (เช่น รายนาที รายชั่วโมง) ดังนั้น การเลือกกรอบเวลาที่เหมาะสมกับรูปแบบการเทรดของคุณจะเป็นสิ่งที่สำคัญ
ใช้โซนแทนราคา: แทนที่จะยึดติดกับราคาเฉพาะ การใช้”โซน” หรือระดับราคาที่คล้ายคลึงกันในการระบุแนวรับและแนวต้านจะเป็นการที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น คุณสามารถวาดรูปสี่เหลี่ยมหรือวงกลมเล็ก ๆ รอบ ๆ ระดับราคาที่คุณคิดว่าเป็นแนวรับหรือแนวต้าน เพื่อระบุโซนราคาที่ราคาอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง
การใช้เทคนิคเหล่านี้ในการวิเคราะห์แนวรับและแนวต้านไม่เพียงแต่จะทำให้คุณมีมุมมองที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังจะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจในการเทรดที่มีหลักฐานและเหตุผลทางเทคนิคที่รองรับ ทำให้การเทรดของคุณเป็นไปในทิศทางที่รวดเร็วและมั่นใจยิ่งขึ้น
ข้อดี และ ข้อเสีย ของ แนวรับ (Support) และ แนวต้าน (Resistance)
ข้อดี
- สัญญาณเข้า-ออกมาตรฐาน: แนวรับและแนวต้านทำให้เทรดเดอร์สามารถระบุจุดเข้าและจุดออกได้ด้วยความมั่นใจสูงขึ้น การที่ราคาเด้งกลับจากแนวรับหรือถูกขัดขวางโดยแนวต้านส่งเสริมความมั่นใจในการเทรด
- การจัดการความเสี่ยง: คุณสามารถวาง stop-loss หรือ take-profit ใกล้ ๆ แนวรับหรือแนวต้านเพื่อลดความเสี่ยง
- ยืดหยุ่นและปรับปรุงได้: คุณสามารถใช้แนวรับและแนวต้านบนกราฟราคาที่มีกรอบเวลาต่าง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เหมาะสมสำหรับผู้เทรดทั้งระยะสั้นและระยะยาว
ข้อเสีย
- สัญญาณปลอม (False Signals): มีความเป็นไปได้ที่ราคาจะทะลุผ่านแนวรับหรือแนวต้านและกลับมาอีกครั้ง ทำให้เกิดสัญญาณปลอมที่อาจทำให้เทรดเดอร์เข้าเทรดหรือออกเทรดในเวลาที่ไม่เหมาะสม
- ข้อจำกัดของข้อมูลย้อนหลัง: แนวรับและแนวต้านสร้างขึ้นจากข้อมูลราคาในอดีต ซึ่งไม่ใช่การรับประกันของสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
- จำเป็นต้องใช้กับตัวชี้วัดอื่น ๆ: ในบางกรณี การใช้แนวรับและแนวต้านควรจะประกอบไปด้วยการวิเคราะห์เชิงเทคนิคอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความถูกต้องและความน่าเชื่อถือ