ทำความรู้จักกับ Bear trap และ Bull trap
- Bear Trap หรือกับดักหมี คือกลยุทธ์ที่นักเก็งกำไรรายใหญ่หรือเจ้ามือใช้ปั่นราคาสินทรัพย์ลงเพื่อหลอกนักเก็งกำไรรายย่อยให้ตัดสินใจขายสินทรัพย์ของตน จากนั้นเจ้ามือจะซื้อสินทรัพย์คืนในราคาที่ถูกกว่าและทำกำไรจากราคาที่ดีดขึ้น
- Bull Trap หรือกับดักกระทิง คือสถานการณ์ที่ราคาสินทรัพย์ดูเหมือนจะกลับตัวจากช่วงขาลงและเริ่มขาขึ้น ทำให้นักลงทุนเชื่อว่าถึงเวลาที่จะเข้าซื้อ แต่ในความเป็นจริง ราคาจะกลับตัวลงอีกครั้งและร่วงลงอย่างรวดเร็ว ทำให้นักลงทุนที่เข้าซื้อต้องขาดทุน
Bear trap คืออะไร
Bear Trap หรือ กับดักหมี คือ เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การทำกำไรโดยการปั่นราคาสินทรัพย์หลอกล่อนักเก็งกำไรรายย่อยให้ตกใจ กลุ่มเครือข่ายนักเก็งกำไรรายใหญ่หรือที่เรียกกันว่า เจ้ามือ มีแนวคิดการทำงานคือการเทขายสินทรัพย์ เช่น Cryptocurrency เหรียญเดียวกันออกไปเป็นจำนวนมากในเวลาเดียวกัน ทำให้ตลาดคิดว่าราคากำลังจะตก นักเก็งกำไรรายย่อยก็พากันเทขายสินทรัพย์ของตนออกมา ทำให้ราคาสินทรัพย์ร่วงลงอย่างรวดเร็ว
จากนั้นผู้วาง Bear Trap จะกลับเข้าไปซื้อสินทรัพย์คืนในราคาที่ต่ำลงกว่าเดิม ทำให้ราคาดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว นักเก็งกำไรรายย่อยอาจตกใจเพราะรู้ว่าตัวเองโดนหลอก รีบกลับเข้าไปไล่ซื้ออีกครั้ง ทำให้ราคาสินทรัพย์ยิ่งดีดขึ้นไป ส่งผลให้เจ้ามือสามารถทำกำไรได้อีกต่อ
ในการดำเนินการของ Bear Trap มักจะมีการใช้ข่าวลือหรือข้อมูลที่ไม่ถูกต้องในการหลอกล่อนักเก็งกำไรรายย่อยให้ตกใจและรีบเทขายสินทรัพย์ของตน การใช้ข่าวลือนี้อาจทำให้นักเก็งกำไรรายย่อยคิดว่าเจ้ามือกำลังรีบขายทิ้งเพราะมีข้อมูลว่าราคาสินทรัพย์จะตกในอนาคตอันใกล้
เมื่อเกิดการร่วงลงของราคาสินทรัพย์เจ้ามือจะกลับเข้าไปซื้อคืนในราคาที่ต่ำกว่าเดิม เมื่อราคาสินทรัพย์ดีดตัวขึ้นกลับมาเจ้ามือก็จะขายออกทำกำไร การทำกำไรในลักษณะนี้จึงไม่เพียงแต่ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ทางเทคนิคหรือพื้นฐานของสินทรัพย์เท่านั้น แต่ยังอาศัยความสามารถในการวิเคราะห์จิตวิทยาของตลาดและการจัดการความเสี่ยงเพื่อทำกำไร
การหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อของ Bear Trap ผู้ลงทุนควรมีความรอบคอบในการรับข้อมูลที่นำเสนอมาและทำการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างถูกต้องก่อนการตัดสินใจลงทุน นอกจากนี้ยังควรมีการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการตกเป็นเหยื่อของกลยุทธ์ในลักษณะนี้
Bull trap คืออะไร
Bull Trap หรือกับดักกระทิงเกิดขึ้นเมื่อสินทรัพย์ที่ปรากฏว่าราคากำลังเพิ่มขึ้นจริงๆแต่ในความเป็นจริงราคากำลังจะร่วงลง Bull Trap มักเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนและไม่แน่นอน นักลงทุนมักค้นหากลับตัวสู่ขาขึ้นและเริ่มเข้าซื้อโดยคิดว่าช่วงขาลงได้สิ้นสุดลงแล้ว โชคไม่ดีที่สิ่งนี้มักจะเป็นเพียงการเคลื่อนไหวของราคาเพียงชั่วคราวและราคามักจะกลับลงมาที่แนวโน้มขาลงในที่สุดซึ่งจะนำไปสู่การสูญเสียอย่างหนักสำหรับผู้ที่เข้าซื้อในจุดนี้
เมื่อสงสัยว่าการลงทุนของคุณกำลังต้องเจอกับ Bull Trap คุณควรจะทำการออกจากการซื้อ/ขายในครั้งนั้นโดยทันทีและอย่าลืมที่จะตั้ง Stop Loss เพื่อหยุดการขาดทุนโดยเฉพาะหากตลาดมีความผันผวนที่รุนแรงและเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
การหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อของ Bull Trap ผู้ลงทุนควรมีความรอบคอบในการรับข้อมูลที่นำเสนอมาและทำการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างถูกต้องก่อนการตัดสินใจลงทุนนอกจากนี้ยังควรมีการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการตกเป็นเหยื่อของกลยุทธ์ในลักษณะนี้
นอกจากนี้เทรดเดอร์หลายคนมักมองหาการกลับตัวของสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อเข้าทำกำไรและนั้นอาจจะทำให้พวกเขาเหล่านั้นต้องเจอกับดักตัวร้ายที่เรียกว่า Bull Trap ดังนั้น การรู้เท่าทันและตระหนักถึงความเสี่ยงนี้เป็นสิ่งสำคัญ
การเอาชนะ Bull Trap ได้นั้น ผู้ลงทุนจำเป็นต้องมีทักษะการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ดี ความสามารถในการวิเคราะห์กราฟราคาและตรวจสอบสัญญาณที่บ่งบอกถึงการกลับตัวของราคาจะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถรับรู้ได้ถึงสัญญาณเตือนของ Bull Trap และหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อ
อีกทั้งการมีแผนการลงทุนที่ชัดเจนและการปฏิบัติตามแผนการลงทุนอย่างเคร่งครัดจะช่วยลดความเสี่ยงในการตกเป็นเหยื่อของ Bull Trap ได้ การตั้งค่า Stop Loss ที่เหมาะสมและการมีกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่ดีจะช่วยปกป้องเงินลงทุนและกำไรของผู้ลงทุนจากความผันผวนของตลาดและการเกิด Bull Trap
หลักการใช้งาน Bull trap
- Bull Trap หรือกับดักกระทิง เป็นเทคนิคหลอกล่อนักลงทุนในตลาดหุ้นหรือตลาดคริปโตเคอเรนซี่
- มักเกิดขึ้นเมื่อราคาของหุ้นหรือเหรียญดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นและเริ่มทำขาขึ้น
- จริงๆ แล้วราคาจะกลับตัวลงอย่างรวดเร็วหลังจากที่เพิ่มขึ้นไปบ้างเล็กน้อย
- ทำให้นักลงทุนหรือเทรดเดอร์ที่คาดการณ์ว่าราคาจะเพิ่มขึ้นต้องขาดทุน
- หลักการใช้งานของ Bull Trap คือหลอกให้นักลงทุนเชื่อว่าตลาดกำลังจะเปลี่ยนทิศทางจากขาลงไปเป็นขาขึ้น
- ทำให้นักลงทุนตัดสินใจเข้าซื้อหรือ go long
- ราคาจะกลับตัวลงอย่างรวดเร็ว ทำให้นักลงทุนที่ซื้อหรือ go long ไปต้องขาดทุน
- นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยทางเทคนิคและพื้นฐานให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
- ตั้ง Stop Loss เพื่อป้องกันการขาดทุนที่มากเกินไปหากตลาดไม่ไปในทิศทางที่คาดหวัง
- การหลีกเลี่ยง Bull Trap สามารถทำได้โดยการวิเคราะห์แนวโน้มในระยะยาว
- สังเกตจุดสำคัญในกราฟเช่น ระดับ Resistance และ Support
- มองหาการยืนยันจากเครื่องมืออื่นๆ เช่น MACD, RSI, หรือ Bollinger Bands
- การเข้าซื้อหลังจาก Bull Trap มักจะนำไปสู่การขาดทุน ดังนั้นควรระมัดระวังและใช้เครื่องมือในการช่วยตัดสินใจ
- ทำการทดสอบกลยุทธ์ของคุณก่อนนำไปใช้จริง
- ควรมีการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างถูกต้องและไม่เสี่ยงกับเงินที่ไม่สามารถสูญเสียได้
- มองหาข้อมูลและข่าวสารที่อาจมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาทรัพย์สิน
- การศึกษาประวัติของตลาดและรูปแบบของ Bull Trap ในอดีต
- ไม่ให้ความต้องการของตนเองมีผลต่อการตัดสินใจลงทุน
- หลีกเลี่ยงการลงทุนหรือเทรดเดอร์ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูงเพราะจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะติด Bull Trap
หลักการใช้งาน Bear trap
- Bear Trap คือกลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จากการลดลงของราคาทรัพย์สินอย่างรวดเร็วโดยหลอกให้นักลงทุนคิดว่าราคาจะลดลงต่อไป
- เมื่อนักลงทุนตัดสินใจขายทรัพย์สินของตน ผู้วาง Bear Trap จะซื้อทรัพย์สินคืนที่ราคาที่ต่ำกว่า ทำให้ราคาดีดขึ้น
- การใช้งาน Bear Trap ควรทำโดยมีความรู้ความเข้าใจในแนวโน้มของตลาดและสภาพจิตวิทยาของนักลงทุน
- การตรวจสอบรายงานการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานที่อาจมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาทรัพย์สิน
- การเข้าร่วมกลุ่มสังคมของนักลงทุนเพื่อติดตามข้อมูลและข่าวสารที่อาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคา
- การใช้เครื่องมือทางเทคนิคเพื่อระบุจุดซื้อและจุดขายที่เหมาะสม
- การตั้ง Stop Loss เพื่อควบคุมความเสี่ยงของการขาดทุน
- การวิเคราะห์ประวัติศาสตร์ของตลาดและรูปแบบของ Bear Trap ในอดีต
- การศึกษาคู่แข่งและการวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุนของพวกเขา
- การรู้จักยอมรับความผิดพลาดและยอมรับการขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการลงทุน
- Bear Trap มักเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดมีการเคลื่อนไหวแบบ Sideways หรือมีแนวโน้มลงเล็กน้อย แต่ยังไม่ชัดเจน
- ผู้ใช้งาน Bear Trap ควรมีความรอบคอบในการวิเคราะห์สัญญาณและไม่หลงเชื่อสิ่งที่เห็นในตลาดอย่างเบิร์นฟีด
- การใช้ Indicators ทางเทคนิคเช่น RSI, MACD หรือ Stochastic Oscillator เป็นเครื่องมือในการระบุสัญญาณ Bear Trap
- การใช้งาน Bear Trap ควรมีการวางแผนทางการเงินที่ดีและไม่ใช้เงินทุนทั้งหมดในการซื้อทรัพย์สิน
- การติดตามข่าวสารเกี่ยวกับตลาดและการวิเคราะห์สถานการณ์ทางเศรษฐกิจทั่วโลกเป็นสิ่งสำคัญในการใช้งาน Bear Trap
- การเข้าใจถึงธรรมชาติของการลงทุนและการยอมรับว่าการลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ
- การสร้างแผนการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายและความสามารถในการรับความเสี่ยงของตนเอง
- การหาข้อมูลจากหลายแหล่งและการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยตนเองเพื่อเพิ่มความรู้ในการใช้งาน Bear Trap
- การรู้จักตัดสินใจอย่างเป็นอิสระและไม่หลงเชื่อกับผู้อื่นอย่างง่ายดาย
- การมีความอดทนและไม่เพิ่งพาความโชคดีในการลงทุน
ความแตกต่าง Bear trap และ Bull trap
Bear Trap และ Bull Trap เป็นกลยุทธ์ในการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์ในตลาดซึ่งอาจทำให้นักลงทุนรู้สึกว่ามีโอกาสทำกำไร แต่จริงๆ แล้วมันเป็นเพียงแค่กับดักที่จะทำให้นักลงทุนต้องขาดทุน
Bear Trap คือ
- กับดักหมีที่ทำให้นักลงทุนคิดว่าราคาสินทรัพย์กำลังจะลดลง แต่จริงๆ แล้วมันกำลังจะเพิ่มขึ้น
- นักลงทุนที่ตกใจกับการลดลงของราคาและตัดสินใจขายทรัพย์สินออกไปจะพบว่าตัวเองเสียโอกาสทำกำไรเมื่อราคากลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
Bull Trap คือ
- กับดักกระทิงที่ทำให้นักลงทุนคิดว่าราคาสินทรัพย์กำลังจะเพิ่มขึ้น แต่จริงๆ แล้วมันกำลังจะลดลง
- นักลงทุนที่เข้าไปซื้อทรัพย์สินในขณะที่คิดว่าราคากำลังเพิ่มขึ้นจะพบว่าตัวเองต้องขาดทุนเมื่อราคากลับลดลง