Indicator Bull Power และ Bear Power คืออะไร?
“Bull Power” และ “Bear Power” คือ Indicator ทางเทคนิค เพื่อใช้ในการวัดความแข็งแกร่งของผู้ซื้อ (กระทิง) และผู้ขาย (หมี) ในตลาด ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง โดยการเปรียบเทียบราคาสูงสุดที่หลักทรัพย์ไปถึงในหนึ่งวัน (Bull Power) หรือราคาต่ำสุดที่หลักทรัพย์ตกลงไปในหนึ่งวัน (Bear Power) กับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล 13 งวด (EMA) ผู้ค้าสามารถวัดแรงกดดันในการซื้อและขาย ในตลาด Indicatorเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของระบบการซื้อขายที่เรียกว่า “Elder-Ray Index”
- Bull Power คือ ค่าต่างระหว่างราคาสูงสุดในวันนั้น และค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบปรับน้ำหนักตามปริมาณ (Exponential Moving Average หรือ EMA) ซึ่งคำนวณจากสูงสุดของวันนั้นหักด้วย EMA ของราคาปิด
- Bear Power คือ ค่าต่างระหว่างราคาต่ำสุดในวันนั้น และ EMA ซึ่งคำนวณจากต่ำสุดของวันนั้นหักด้วย EMA ของราคาปิด
- ค่า Bull Power ที่บวกแสดงว่าความมั่นคงของ Bulls (ฝ่ายที่คาดว่าราคาจะขึ้น) กำลังเพิ่มขึ้น
- ค่า Bear Power ที่ลบแสดงว่าความมั่นคงของ Bears (ฝ่ายที่คาดว่าราคาจะลดลง) กำลังเพิ่มขึ้น
ความเป็นมา
อินดิเคเตอร์ Bull Power และ Bear Power ได้รับการพัฒนาโดย Dr. Alexander Elder เทรดเดอร์มืออาชีพและผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงระดับโลกในด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิค ดร. เอลเดอร์เกิดที่เลนินกราด (ปัจจุบันคือเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก) ประเทศรัสเซีย ในปี 2493 ภายหลังเขาอพยพมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและกลายเป็นนักเทรดและนักการศึกษาทางการเงินที่ประสบความสำเร็จ
แนวคิดของ Bull Power และ Bear Power ได้รับการแนะนำครั้งแรกโดย Dr. Elder ในหนังสือ “Trading for a Living” ซึ่งตีพิมพ์ในปี 1993 ในหนังสือเล่มนี้ Dr. Elder ได้นำเสนอภาพรวมที่ครอบคลุมเกี่ยวกับแนวทางของเขาที่มีต่อตลาดการเงิน ที่นี่เป็นที่แรกที่เขาได้อธิบายวิธีการที่อยู่เบื้องหลัง Indicator ทั้งสองนี้
จุดมุ่งหมายของ Bull Power และ Bear Power
Bull Power คำนวณโดยการลบ Exponential Moving Average (EMA) ของช่วงเวลาที่เลือกออกจากราคาสูงสุดของวัน (High – EMA) เป็นการวัดความแข็งแกร่งของผู้ซื้อในตลาด เมื่อค่า Bull Power เป็นบวก แสดงว่าผู้ซื้อมีอำนาจควบคุม เมื่อค่าเป็นลบ ผู้ขายจะแข็งแกร่งขึ้น
ในทางกลับกัน Bear Power คือความแตกต่างระหว่างราคาต่ำสุดของวันกับ EMA ของช่วงเวลาที่เลือก (Low – EMA) สิ่งนี้บ่งบอกถึงพลังของผู้ขาย เมื่อค่า Bear Power เป็นบวก แสดงว่าผู้ขายมีอำนาจเหนือกว่า ค่าลบบ่งชี้ว่าผู้ซื้อเป็นผู้ควบคุม
เครื่องการเทรด Bears/Bulls Power
Indicatorทางเทคนิค “Bull Power” และ “Bear Power” สามารถใช้ได้หลากหลายในกลยุทธ์การเทรด ดังต่อไปนี้
การเทรดแบบ Divergence
นักเทรดอาจจะมองหาการเบี่ยงเบน (Divergence) ระหว่างราคาสินค้าและIndicator Bull Power หรือ Bear Power เมื่อราคาเกิดการแตกต่างกับ Bull Power หรือ Bear Power อาจเป็นสัญญาณว่าแนวโน้มอาจจะกำลังเปลี่ยนแปลง
การเทรดแบบ Bull/Bear Power Crossover
นักเทรดอาจจะมองหาสัญญาณการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม เมื่อ Bull Power ข้ามผ่าน Bear Power หาก Bull Power สูงกว่า Bear Power นักเทรดอาจจะถือว่าเป็นสัญญาณซื้อ และถ้า Bear Power สูงกว่า Bull Power นักเทรดอาจจะถือว่าเป็นสัญญาณขาย
การใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ
Indicator Bull Power และ Bear Power มักจะใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์เทคนิคอื่น ๆ เช่น moving averages, relative strength index (RSI) หรือเทคนิคการวิเคราะห์เทคนิคอื่น ๆ เพื่อสร้างมุมมองที่ครอบคลุมมากขึ้น
การใช้ Bull Power และ Bear Power ในการเทรด Forex
การใช้อินดิเคเตอร์ Bull Power และ Bear Power ในการซื้อขายฟอเร็กซ์สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าเกี่ยวกับการกลับตัวของราคาที่อาจเกิดขึ้น ผู้เทรดมักจะมองหาความแตกต่างระหว่างIndicator Bull/Bear Power และราคาเพื่อทำการตัดสินใจซื้อขาย
- Bullish Divergence: เมื่อราคาสร้างจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่า แต่Indicator Bear Power สร้างระดับต่ำสุดที่สูงขึ้น สิ่งนี้เรียกว่า Bullish Divergence บ่งชี้ว่าแรงขายลดลงและการกลับตัวเป็นขาขึ้นอาจอยู่บนขอบฟ้า
- Bearish Divergence: หากราคาสร้างจุดสูงสุดที่สูงขึ้นในขณะที่Indicator Bull Power สร้างจุดสูงสุดที่ต่ำกว่า สิ่งนี้เรียกว่า Bearish Divergence บ่งชี้ว่าแรงซื้อกำลังลดลง ส่งสัญญาณการกลับตัวเป็นขาลง
- *** สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่า divergence เหล่านี้ไม่รับประกันการกลับตัว และควรใช้ร่วมกับIndicatorทางเทคนิคอื่น ๆ เพื่อยืนยัน
การตีความ
การตีความของเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคทั้งสาม (EMA, Bull Power, Bear Power) ในบริบทของกลยุทธ์การซื้อขาย จะดูดังนี้
เข้าออเดอร์ Buy เมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขต่อไปนี้
- EMA (Exponential Moving Average) กำลังเพิ่มขึ้น: นี่คือสัญญาณของแนวโน้มขาขึ้นที่เป็นไปได้
- Bears Power เป็นค่าลบแต่กำลังเพิ่มขึ้น: นี่แสดงว่าแรงกดดันในการขายกำลังลดลง
- จุดสูงสุดล่าสุดของ Bulls Power oscillator สูงกว่าจุดสูงสุดก่อนหน้า: นี่แสดงว่าแรงกดดันในการซื้อกำลังเพิ่มขึ้น
- เกิด bullish divergence ระหว่าง Bears Power และราคา: นี่เป็นเมื่อราคาสร้างจุดต่ำล่าสุดที่ลดลง แต่ Bears Power ไม่ทำเช่นนั้น ซึ่งหมายความว่าแม้กระทั่งราคากำลังแสดงแนวโน้มลดลง Bears Power แสดงว่าแรงขายไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างที่ควร
ด้วยเหตุผลดังกล่าวไม่ควรเปิดสถานะ long หาก Bears Power เป็นค่าบวก เพราะแสดงว่าแรงขายยังคงมีอยู่ในตลาด
เข้าออเดอร์ sellเมื่อตรงตามเงื่อนไขต่อไปนี้
EMA กำลังลดลง
Bulls Power เป็นบวก แต่ลดตัวลง
เงื่อนไขที่จำเป็น
- จุดต่ำสุดล่าสุดของ Bears Power oscillator ต่ำกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้า
- มีความแตกต่างกันเล็กน้อยระหว่าง Bulls Power กับราคา (ราคาสูงสุดกำลังยกตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่จุดสูงสุดของ Bulls Power กลับลดตัวลงเรื่อยๆ)
- ไม่ควรเปิดตำแหน่ง short หาก Bulls Power เป็นค่าลบ
การเพิ่ม Indicators Bull/Bear ใน MT4
- ในแพลตฟอร์ม MT4 สามารถเพิ่มอินดิเคเตอร์ Bull Power และ Bear Power
- โดยไปที่ ‘Insert’ > ‘Indicators’ > ‘Bill Williams’ > ‘Bulls Power’ หรือ ‘Bears Power’
- สามารถปรับพารามิเตอร์ตามกลยุทธ์การซื้อขายของคุณได้
- สามารถเลือกใช้ค่าพื้นฐานได้ Peroid : 13
- หมายถึง EMA-13 ของราคาปิด
การใช้ Indicators Bull/Bear ร่วมกับ Indicators อื่นๆ เพื่อการเทรดที่ดี
Indicators Bull Power และ Bear Power สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับแรงซื้อและแรงขายในตลาด อย่างไรก็ตาม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ มักแนะนำให้ใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ ดังนี้
1. Bull Power / Bear Power และ (Moving Average หรือ MA)
Moving Average (MA) เป็นหนึ่งในIndicatorที่ใช้บ่อยที่สุดในการระบุแนวโน้ม หากราคาอยู่เหนือ MA โดยทั่วไปจะถือว่าเป็นขาขึ้น ในขณะที่หากราคาต่ำกว่า MA จะถือว่าเป็นขาลง เมื่อใช้กับ Bull/Bear Power ผู้เทรดสามารถยืนยันการซื้อหรือขายในทิศทางของแนวโน้ม ตัวอย่างเช่น ในแนวโน้มขาขึ้น หาก Bull Power เพิ่มขึ้น มันสามารถยืนยันแนวโน้มขาขึ้นได้
2. Bull Power / Bear Power และ MACD
Moving Average Convergence Divergence (MACD) เป็นIndicatorโมเมนตัมตามแนวโน้ม เมื่อใช้กับ Bull/Bear Power, MACD สามารถช่วยยืนยันการกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นจากสัญญาณ Bull/Bear divergence ตัวอย่างเช่น หาก Bear Power กำลังแสดงความแตกต่างที่เป็นขาขึ้นกับราคา (ราคากำลังทำจุดต่ำสุดที่ต่ำลง Bear Power กำลังทำจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น) การข้ามของ MACD ที่สอดคล้องกัน (เส้น MACD ที่ข้ามเหนือเส้นสัญญาณ) สามารถยืนยันเพิ่มเติมถึงศักยภาพสำหรับ การกลับตัวรั้น
3. Bull Power / Bear Power และ RSI
Relative Strength Index (RSI) เป็นโมเมนตัมออสซิลเลเตอร์ที่วัดความเร็วและการเปลี่ยนแปลงของการเคลื่อนไหวของราคา เมื่อ Bull Power เพิ่มขึ้นในขณะที่ RSI อยู่ในแดนขายมากเกินไป (ต่ำกว่า 30) มันอาจบ่งบอกถึงการกลับตัวที่เป็นไปได้ ในทางกลับกัน หาก Bear Power เพิ่มขึ้นในขณะที่ RSI อยู่ในแดน overbought (สูงกว่า 70) ก็อาจบ่งชี้ถึงการกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นได้
4. Bull Power / Bear Power และ Stochastic Oscillator
Stochastic Oscillator เป็นอีกหนึ่งIndicatorโมเมนตัมที่เปรียบเทียบราคาปิดเฉพาะของหลักทรัพย์กับช่วงราคาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่นเดียวกับ RSI ไดเวอร์เจนซ์ของ Bull/Bear Power สามารถยืนยันได้ด้วย stochastic crossovers สำหรับสัญญาณการกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น
ข้อดีและข้อเสียของIndicatorพลังงาน Bull/Bear
ข้อดี
- แนวคิดของIndicator Bull Power และ Bear Power นั้นตรงไปตรงมา พวกเขามีวิธีง่ายๆในการวัดความสมดุลระหว่างแรงซื้อและแรงขาย
- การระบุ divergence ซึ่งอาจส่งสัญญาณการกลับตัวในตลาด ความแตกต่างระหว่างIndicatorและการเคลื่อนไหวของราคาอาจเป็นสัญญาณที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้รับการยืนยันโดยIndicatorหรือวิธีการอื่นๆ
- อินดิเคเตอร์ Bull Power และ Bear Power สามารถใช้ได้ในทุกกรอบเวลา ทำให้สามารถปรับให้เข้ากับสไตล์การซื้อขายที่หลากหลาย ตั้งแต่การเก็งกำไรไปจนถึงการลงทุนระยะยาว นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้กับตลาดใดก็ได้ รวมถึงฟอเร็กซ์ หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และอื่นๆ
ข้อเสีย
- แม้ว่าIndicator Bull Power และ Bear Power จะแสดงความแข็งแกร่งของผู้ซื้อและผู้ขาย แต่ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับทิศทางแนวโน้มโดยรวม ผู้ค้าจะต้องใช้เครื่องมือหรือเทคนิคอื่น ๆ เพื่อกำหนดแนวโน้มของตลาด
- Bull Power และ Bear Power สามารถสร้างสัญญาณเท็จได้ในบางครั้ง ไดเวอร์เจนซ์อาจไม่ได้นำไปสู่การกลับตัวเสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่มีแนวโน้มสูง
- ต้องมีการยืนยัน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณที่ได้รับจาก Bull Power และ Bear Power ขอแนะนำให้ใช้ร่วมกับIndicatorหรือวิธีการอื่นๆ การพึ่งพาพวกเขาเพียงอย่างเดียวอาจนำไปสู่การตัดสินใจซื้อขายที่ไม่ดี
บทสรุป
Indicator Bull Power และ Bear Power ถูกสร้างขึ้นเพื่อช่วยให้ผู้เทรดสามารถวัดแรงซื้อหรือแรงขายที่อยู่ในตลาด หากคุณเห็นว่า Bull Power เพิ่มขึ้น แสดงว่าความแรงของฝ่ายผู้ซื้อ (bulls) กำลังเพิ่มขึ้น แต่หากคุณเห็นว่า Bear Power เพิ่มขึ้น แสดงว่าความแรงของฝ่ายผู้ขาย (bears) กำลังเพิ่มขึ้น
หนึ่งในวิธีที่ผู้เทรดอาจใช้Indicatorเหล่านี้คือ ใช้ Bull Power สำหรับการค้นหาจุดเข้า (buy signals) เมื่อมีแนวโน้มขาขึ้น และใช้ Bear Power สำหรับการค้นหาจุดออก (sell signals) เมื่อมีแนวโน้มขาลง
อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่า Bull Power และ Bear Power เป็นเพียงIndicatorหนึ่งในการวิเคราะห์ทางเทคนิค และควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ เพื่อยืนยันแนวโน้มหรือสัญญาณการซื้อขายเพื่อให้เกิดความแม่นยำขึ้น