ในโลกที่พยายามยัดทุกอย่างลงไปในสมาร์ทโฟน โทรศัพท์อัจริยะเครื่องเดียวสามารถเข้าถึงเงินในธนาคารได้ อ่านข่าวสารโดยไม่ต้องเพิ่งหนังสือพิมพ์ อัพเดตความเคลื่อนไหวจากทั่วโลกโดยไม่ต้องรอดูโทรทัศน์ ร่วมไปถึงการลงทุนก็เริ่มปรับตัวให้ผู้คนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น กลายเป็นการลงทุนผ่านแอปพลิเคชันได้แล้ว
MetaTrader ชื่อนี้นำมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลง เป็นดั่งผู้นำที่เสริมสร้างความสามารถการลงทุนให้เหล่าเทรดเดอร์และนักลงทุน ผ่านแอปบนสมาร์ทโฟนทั้ง MetaTrader 4 และ MetaTrader 5 ช่วยให้ลงทุนได้ทุกที่ ทุกเวลา ในบทความนี้เรามาไล่เรียงลำดับเวลากันซักหน่อยว่าจาก Software คอมพิวเตอร์ในตำนานที่เป็นครูของเทรดเดอร์รุ่นก่อน กลายมาเป็นแอปสร้างอิสรภาพทางการเงินด้วยสมาร์ทโฟนเป็นมาอย่างไร
ก่อนจะมาเทรดบนมือถือ
ยังจำภาพนักลงทุนที่นั่งเฝ้าหน้าจอขนาดใหญ่เทอะทะ และหน้าโปรแกรมเทรดหุ้นเก่าๆ ได้ไหม? กว่าจะมันจะมาอยู่ในสมาร์ทโฟนที่ลืนไหลและมอบอำนาจในการควบคุมเงิน หาเงินให้ผู้คนเป็นวงกว้างมากขึ้น ทุกอย่างเริ่มต้นที่ Technology Disruption
- 2007: การเปิดตัว iPhone ของ Apple จุดประกายการปฏิวัติอุปกรณ์สื่อสาร เพราะมันเป็นมากกว่านั้น จะเรียกว่าเป็นคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่ขนาดเท่าฝ่ามือก็ได้ และมันปูทางไปสู่การพัฒนาแอปทางการเงินในสมาร์ทโฟน
- 2010: แอป MetaTrader เข้ามาอยู่ใน iPhone ถือเป็นการนำเอาแพลตฟอร์มการเทรด การลงทุนเข้ามาสู่สมาร์ทโฟน ก่อนจะขยายไประบบปฏิบัติการ Android
- 2012: Exness โบรกเกอร์ชั้นนำที่มีชื่อเสียงในหมู่เทรดเดอร์ชาวไทย ได้เล็งเห็นศักยภาพของการเทรดบนสมาร์ทโฟน ได้เริ่มให้บริการเทรดบนมือถือผ่านแอป MetaTrader 4 และ MetaTrader 5
- 2020: Covid-19 โรคระบาดที่ส่งผลกระทบต่อทั่วโลก กระทบทุกอุตสาหกรรมรวมถึงการเงินการลงทุน โรคระบาดครั้งนั้นกระตุ้นให้เกิดการปรับตัวอย่างรวดเร็ว จากที่เคยลงทุนแบบเดิมๆ ให้หันมาลงทุนบนมือถือ เป็นการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการลงทุน เกิดเป็น Digital Disruption ครั้งใหญ่
- 2023: ทุกวันนี้การลงทุนผ่านอุปกรณ์มือถือยังคงเป็นกระแสหลัก ทั้งธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์ โบรกเกอร์ต่างปรับตัวให้เข้าถึงผู้คนผ่านสมาร์ทโฟนมากยิ่งขึ้น สำหรับขวัญใจนักเทรด CFD ต้องยกให้แอป MetaTrader เป็นแอปชั้นนำด้านนี้เลย เพราะมันง่ายและสร้างเงินได้จริงผ่านบริการของโบรกเกอร์อย่าง Exness
MetaTrader ทั้ง 4 และ 5 เปลี่ยนผ่านจาก Software บนคอมพิวเตอร์ให้สามารถใช้งานสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต หน้าตาการใช้งานเป็นอย่างไร มีอะไรที่ใช้งานได้ดี อะไรเป็นข้อสังเกตุ ถือโอกาสนี้แนะนำทั้งสองแอปให้ผู้อ่านได้เข้าใจ เริ่มต้นที่
MetaTrader 4 (MT4)
เมนูหลัก: 3 ขีดมุมซ้ายบนจะแสดงบัญชีเทรดปัจจุบัน ซึ่งสามารถเข้าไปจัดการบัญชีได้ นอกจากนั้นเมนูสำคัญที่นักเทรดมักใช้งานเสมอ คือ Trade แสดงหน้าคำสั่งซื้อขาย และ Setting เพื่อตั้งค่าแอป MT4
แถมด้านล่างที่นักเทรดใช้งานกันประจำได้แก่ Quotes (แสดงและค้นหาทรัพย์สินที่ซื้อขายได้) Charts (แสดงกราฟราคาของทรัพย์สินนั้นๆ) แตะที่กราฟจะแสดงวงล้อเมนูควบคุมกราฟขึ้นมา
ในหน้า Charts สามารถปรับ Timeframe ได้ 9 แบบ ตั้งแต่ 1 นาที ไปจนถึงหลักเดือน แตะหน้าจอเพื่อเปิดวงล้อแสดง Timeframe ที่ต้องการหรือจะวาดแนวโน้มลงไปบนกราฟ รวมถึงเลือก Indicator ที่ต้องการ ยกตัวอย่าง Indicator พื้นฐานอย่าง Moving average (1.), Volumes (2.) และ RSI (3.)
ในหน้า Trade เป็นจุดส่งคำสั่งซื้อขายไปที่โบรกเกอร์ที่เราใช้บริการ หน้านี้คือบริเวณที่นักเทรดควรตั้งสติก่อนจะกดปุ่มใดๆ มากที่สุด เริ่มต้นที่ประเภทคำสั่ง MT4 นั้นมีคำสั่งทั้งหมด 5 ประเภท ต่อด้วยขนาดคำสั่งควรเลือกขนาด lot ให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่รับไหว
ติดตามการเทรดในหน้า Trade หากคำสั่งที่เปิดอยู่ทำกำไรอยู่จะแสดงสีฟ้า แต่หากขาดทุดจะแสดงสีแดง นอกจากนี้ยังทุกการเทรด CFD ผ่านโบรกเกอร์นั้นจะมีการใช้ Leverage เป็นปกติอยู่แล้ว ฉะนั้นนักเทรดควรจะเช็กตัวเลข Balance, Equity, Free margin, Margin level และ Margin อยู่เสมอ
หน้า History จะแสดงประวัติการเทรดของวันนั้น ปริมาณกำไร-ขาดทุน คำสั่งไหนทำกำไร คำสั่งไหนขาดทุนเพื่อเป็นประโยชน์ต่อนักเทรดให้ได้ไปทำการบัาน พัฒนาแผนการเทรดและฝีมือกันต่อไป
MetaTrader 5 (MT5)
ต้องบอกว่ามี Feature ทุกอย่างรับมาจาก MT4 และปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยเฉพาะ UI
Feature ใหม่ที่เป็นประโยชน์กับนักเทรด ได้แก่ News (หน้าข่าวที่พาดหัวเป็นภาษาอังกฤษเป็นหลัก) User guide (คู่มือใช้แอปตั้งแต่ระดับเริ่มตัน)
สิ่งที่ปรับแล้วดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคือหน้าตาของแถบด้านล่างปรับเหลือ 5 หน้า ได้แก่ Quotes, Charts, Trade, History และ Messages
หน้า Trade ปรับ UI แสดงกราฟและ Indicator ยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ส่วนคำสั่งซื้อขายมีเพิ่มขึ้นมาอีก 2 ประเภท คือ Buy Stop Limit และ Sell Stop Limit
ข้อดีหนึ่งที่โดดเด่นขึ้นมาของ MT5 คือการกดคำสั่งซื้อ-ขายนั้นสะดวกรวดเร็วขึ้นอย่างมาก แต่ถ้าขาดสติ มือลั่นกด ซื้อ-ขายด้วยขนาด lot ที่ไม่เหมาะสมอาจจะทำให้พอร์ตเสียหาได้ง่ายๆ MT5 จึงมีหน้าต่างเตือนสติขึ้นมาให้เทรดเดอร์ได้ตั้งสติก่อนเทรด
MT5 ใน iPad (หรือ Tablet อื่นๆ)
นั้นอยู่กึ่งกลางระหว่างการเทรดบนสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์
ในหนึ่งหน้าจอแสดงได้ทั้ง Quotes, Charts, Indicator แถมยังเข้าสู่การซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว
เทรดเดอร์คนไหนที่เทรดผ่านคอมพิวเตอร์มาก่อน และจำเป็นต้องปรับตัวไปเทรดด้วยอุปกรณ์มือถือ MT4 และ MT5 บนแท็บเล็ตก็เป็นทางเลือกที่ไม่แย่
เทรดบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ VS เทรดบนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ
MetaTrader4 และ 5 นั้นมีให้บริการทั้งบนคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เคลื่อนที่ แน่นอนว่าข้อจำกัด และจุดเด่นก็ย่อมแตกต่างกัน จุดที่ต้องพิจารณามีดังนี้:
Mobile Trading (MT4 & MT5)
- พกพาสะดวก: จะอยู่ที่ไหน เมื่อไหร่ ขอแค่พกอุปกรณ์ไปด้วยและสามารถเชื่อมอินเตอร์เน็ตได้ ก็เทรดได้
- สะดวกสบายขึ้นอีกขั้น: ใช้สมาร์ทโฟนติดตามดูตลาด จะเปิดหรือปิดคำสั่งก็ง่าย ถ้ายิ่งใช้ควบคู่กับการเทรดบน Deaktop ยิ่งประสิทธิภาพสูงขึ้น
- การแจ้งเตือน: จะตั้งเองหรือตั้งแจ้งเตือนอัตโนมัติ นักเทรดจะได้รับรู้สภาพตลาดและสถานะบัญชีของตัวเอง
- ข้อจำกัด: หน้าจอที่เล็กทำให้ฟังค์ชั่นบางอย่างต้องตัดออกไป การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่ไม่เสถียร แบตเตอรี่ที่อาจหมดไว เหล่านี้อาจเป็นข้อกังวลของการเทรดบนมือถือได้
Desktop Trading (MT4 & MT5)
- เครื่องมือวิเคราะห์ตลาดทรงพลัง: MT4 และ 5 มาพร้อมกราฟขั้นสูง เครื่องมือวิเคราะห์ที่ละเอียดกว่าบนมือถือ
- ยิ่งหลายจอ ยิ่งได้เปรียบ: เชื่อมโยงข้อมูลสร้างความได้เปรียบในการเทรดมากขึ้นด้วยพื้นที่แสดงผลที่เพิ่มขึ้น ถึงสมาร์ทโฟนจะมีสองจอบ้างแล้ว แต่ยังไม่เท่าคอมฯ ที่แสดงผลได้มากกว่า 2 จอ
- เสถียรและเร็วกว่า: ในแง้ของความซับซ้อนในการเทรดนั้น คอมพิวเตอร์ส่วนมากทำได้เสถียรและจัดการคำสั่งที่ซับซ้อนได้เร็วกว่า
- ข้อจำกัด: คอมฯ ตั้งโต๊ะหรือแม้โน้ตบุ๊ก นั้นพกพาลำบากกว่าสมาร์ทโฟน และราคาก็อาจสูงขึ้นไปอีก หากนักเทรดต้องการจอแสดงผลเพิ่ม สเปคคอมฯ ก็ควรจะแรงพอรองรับการเทรดด้วย
Trick เทรดบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ให้มีประสิทธิภาพ
- พัฒนา-สร้างแผนการเทรดขึ้นมา: เพราะอุปกรณ์อย่างสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตนั้น มีข้อจำกัดด้านการใช้งาน ความละเอียดในการตั้งค่าคำสั่งซื้อขาย ที่ค่อนข้างต่างกันอย่างมากกับ MT4 และ MT5 บน PC หลักสำคัญอาจยังเหมือนเดิม นั่นคือแผนการเทรดต้องคำนึงถึง ความเสี่ยงที่รับไหว จุดเข้า-ออก และสำคัญที่สุดคือ Money management
- เปิดรับข่าวสารอยู่เสมอ: กราฟราคาที่เราเห็นนั้นไม่ได้สะท้อนทุกอย่างที่ตลาดรับรู้ ยังมีปัจจัยพื้นฐานอย่างกำหนดการรายงานตัวเลขในปฏิทินเศรษฐกิจ ข่าวหรือเหตุการณ์ที่อาจส่งผลให้ตลาดปรับตัวตามไปด้วย ซึ่งบางครั้งมันรุนแรง รวมถึงทำให้ผันผวนสูงได้ด้วยเช่นกัน
- ตั้ง Stop-loss ทุกครั้ง: ลดความเสี่ยงและจำกัดการขาดทุน คือขั้นแรกของการเอาตัวรอดในตลาด
- ฝึกฝนจนเกิดเป็นวินัย: มีแผนการเทรดแล้วต้องทำตามแผนและอยู่ในกรอบกฏการเทรดที่ตั้งไว้ ถ้าเทรดตามอารมณ์ตามใจ อาจเกิดผลเสียมากกว่า
- เรียนรู้และปรับตัว: คือ Mindset ที่สำคัญของนักลงทุน นักเทรด เปิดใจให้กว้างเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา อย่ากลายเป็นคนที่คิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตลาดการเงิน
- ใช้เป็นส่วนเสริม: ในวันที่จำเป็นต้องออกไปข้างนอก แต่แผนการเทรดที่วางไว้ยังควรทำให้สำเร็จ อาจเลือกใช้การ Desktop ในการวางแผน ตั้งคำสั่งซื้อ-ขายล่วงหน้าเอาไว้ และออกเดินทาง ระหว่างนั้นใช้อุปกรณ์พกพาคอยติดตามคำสั่งซื้อ-ขายที่ได้ตั้งเอาไว้ ช่วยให้เปิดปิดคำสั่งได้ตามแผนที่วางไว้ ดีกว่าปล่อยให้โอกาสเทรดทำกำไรกลายเป็นศูนย์
Exness เป็นอีกหนึ่งโบรกเกอร์ที่เข้าใจนักเทรด นักลงทุนและเห็นโอกาสผลักดันประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อจากโต๊ะคอมพิวเตอร์สู่อุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตด้วย MetaTrader 4 และ 5 ที่ช่วยให้เชื่อมต่อกับตลาดได้ทุกที่ ทุกเวลา เป็นมาตรฐานความยืดหยุ่นใหม่ในการควบคุมอนาคตทางการเงิน เปิดบัญชีเทรดกับ Exness และดาวน์โหลด MetaTrader4 หรือ MetaTrader5 ได้เลย