รู้ไหมว่าสกุลเงินที่เริ่มใช้ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 8 เป็นต้นมา ซึ่งเรียกได้ว่า “เป็นสกุลเงินที่เก่าแก่ที่สุดของโลก” ที่ปัจจุบันยังมีใช้กันอยู่นั่นก็คือ ปอนด์สเตอร์ลิง (British Pound Sterling) หรือ สกุลเงินปอนด์ (£) ของสหราชอาณาจักร ซึ่งมีสัญลักษณ์ย่อเป็น “GBP” (Great British Pound) แล้วประวัติความเป็นมาของปอนด์สเตอร์ลิงที่มีอย่างยาวนานเป็นอย่างไร มีความสำคัญและมีความเกี่ยวข้องกับการลงทุนอย่างไร บทความนี้จะเล่าให้ฟัง
ประวัติ GBP
เงินปอนด์สเตอร์ลิงมีต้นกำเนิดในสมัยโบราณกว่า 1,200 ปี ถูกริเริ่มใช้โดยกลุ่มแองโกล-แซกซอนและไวกิ้ง ที่เข้ามารุกรานเกาะอังกฤษ ในยุคนั้นใช้แร่เงินสเตอร์ลิงมาหลอมเป็นเงินตรา โดยใช้เหรียญจำนวน 240 เหรียญจะมีน้ำหนักเท่ากับหนึ่งปอนด์ จึงเป็นที่มาของชื่อ “ปอนด์สเตอร์ลิง” ส่วนสัญลักษณ์ปอนด์ £ มีต้นกำเนิดมาจากตัวอักษรละติน “L” ซึ่งแทนคำว่า “ลิบรา” หน่วยน้ำหนักโรมันโบราณ
ต่อมาหลังจากนั้นเมื่ออังกฤษก้าวเข้าสู่มหาอำนาจของโลกเมื่อประมาณปี 1588 หลังจากรบชนะสเปน (ซึ่งสเปนเป็นจักรวรรดิที่ทรงอำนาจในสมัยนั้น) อังกฤษก็ได้เข้าสู่ยุคล่าอาณานิคม และเข้าสู่ช่วงที่เจริญถึงขีดสุดในราวคริสต์ศตวรรษที่ 18 และกลายเป็นจักรวรรดิอังกฤษที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และแน่นอนว่าก็ได้เข้าไปวางรากฐานให้ประเทศอาณานิคมมากมาย ทั้งการเมือง การศึกษา โครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงเผยแพร่การใช้สกุลเงินปอนด์สเตอร์ลิงด้วย
และในปี 1819 อังกฤษเป็นประเทศแรกที่นำ Gold Standard มาใช้อย่างเป็นทางการ คือการตรึงค่าสกุลเงินด้วยทองคำ ทําให้ปอนด์สเตอร์ลิงเป็นสกุลเงินที่มีความเสถียรและมีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะยกเลิกการใช้ Gold Standard ในปี 1931 แต่สกุลเงินปอนด์ก็ยังคงใช้สืบต่อมา
ต่อมากับอีกเหตุการณ์สำคัญที่จะเห็นได้ถึงความต้องการรักษาอธิปไตยทางการเงิน หรือต้องการคงอำนาจควบคุมทางเศรษฐกิจและการเงินของสหราชอาณาจักร ที่แม้จะเข้าร่วมสหภาพยุโรป (EU) ในปี 1973 แต่ก็ไม่เคยใช้เงินยูโร และยังคงใช้ปอนด์สเตอร์ลิงตลอดมาจนกระทั่งมีการลงประชามติ Brexit (มาจาก British + Exit) ในปี 2016 ส่งผลให้สหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรปในปี 2020
และในปัจจุบัน GBP เป็นสกุลเงินที่มีการแลกเปลี่ยนมากเป็นอันดับ 4 ในตลาดเงินตราต่างประเทศ รองจากดอลลาร์สหรัฐ ยูโร และเยน
ประเทศและดินแดนที่ใช้เงิน GBP เป็นสกุลเงินหลัก ได้แก่
1.) สหราชอาณาจักร (United Kingdom)
- อังกฤษ
- สก็อตแลนด์
- เวลส์
- ไอร์แลนด์เหนือ
2.) ดินแดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักร (ใช้ GBP หรือสกุลเงินที่ผูกกับ GBP):
- เกาะแมน (Isle of Man) – ใช้ Manx pound (IMP)
- เจอร์ซีย์ (Jersey) – ใช้ Jersey pound (JEP)
- เกิร์นซีย์ (Guernsey) – ใช้ Guernsey pound (GGP)
- ยิบรอลตาร์ (Gibraltar) – ใช้ Gibraltar pound (GIP)
- หมู่เกาะฟอล์กแลนด์ (Falkland Islands) – ใช้ Falkland Islands pound (FKP)
- เซนต์เฮเลนา (Saint Helena) – ใช้ Saint Helena pound (SHP)
GBP กับ การลงทุน
เนื่องจาก GBP เป็นหนึ่งในสกุลเงินที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก สามารถเลือกได้ว่าจะเทรด GBP คู่กับสกุลเงินใดก็ได้ แต่ที่นิยมในตลาด FOREX มักจับคู่การแลกเปลี่ยนกับดอลลาร์ (GBP/USD) เรียกสั้น ๆ ว่า “Cable” หรือกับคู่สกุลเงินยูโร (EUR/GBP) ซึ่งนักลงทุนสามารถเก็งกำไรจากความผันผวนของค่าเงิน ที่เคลื่อนไหวตามสถานการณ์การเมือง เศรษฐกิจ ดอกเบี้ย ฯลฯ
เหตุผลที่เทรดคู่ GBP/USD เป็นที่นิยมก็เพราะเป็นทั้งคู่ต่างเป็นสกุลเงินหลักของโลก และทั้งอังกฤษและสหรัฐฯ มีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่สุด มีระดับความมั่นคงปลอดภัยสูง และสกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูงก็ทำให้เพิ่มโอกาสในการลงทุนได้มากขึ้น
อีกทั้งเรื่องความผันผวนที่สูง (High Volatility) ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของนักลงทุนที่ชอบความผันผวน อย่างเหตุการณ์ Brexit ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงอย่างมาก โดยร่วงลงราว 12% เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ในช่วงสองสัปดาห์หลังการลงประชามติ Brexit ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์ลดลงจาก 1.47 ดอลลาร์เป็น 1.29 ดอลลาร์ และอยู่ที่ประมาณ 1.32 ดอลลาร์ในอีกไม่กี่เดือนต่อมา
ปัจจัยที่มีผลกระทบคู่เงิน GBP/USD เช่น
- การกำหนดนโยบายการเงินในการปรับอัตราดอกเบี้ย ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) กับ ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เช่น ถ้า BoE ขึ้นดอกเบี้ย เร็วกว่า Fed ส่งผลให้ GBP แข็งค่า ทำให้ GBP/USD ปรับตัวขึ้น เป็นต้น
- ตัวชี้วัด GDP (Gross Domestic Product) หมายถึง ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือรายได้ทุกคน ทุกสัญชาติที่เกิดขึ้นในประเทศนั้นๆ สะท้อนความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ
- อัตราเงินเฟ้อ (Inflation) คือการเพิ่มขึ้นของระดับราคาของสินค้าและบริการ ทำให้เงินของประชาชนมีมูลค่าลดลง หรือด้อยค่าลง ก็จะมีผลต่อการตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ย
- การจ้างงาน (Employment Rate) ยิ่งตัวเลขจ้างงานสูง แปลว่าเศรษฐกิจดี แข็งแรง กระทบความเชื่อมั่นและอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน
- อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) คืออัตราส่วนของประชากรในวัยทำงานที่ไม่มีงานทำ หากเกิดกรณีว่างงานต่ำกว่าคาด ส่งผลให้ค่าเงินอาจแข็ง เพราะตลาดมองว่าเศรษฐกิจดี หรือถ้าประกอบกับเงินเฟ้อสูง อาจนำไปสู่การขึ้นดอกเบี้ย เพื่อชะลอเศรษฐกิจให้เข้าสู่ภาวะสมดุล
บทสรุป
จากประวัติศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนาน และเป็นสกุลเงินที่มีการแลกเปลี่ยนมากเป็นอันดับ 4 ในตลาดเงินตราต่างประเทศ จึงไม่แปลกใจว่าทำไม GBP เป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่เข้ามาเทรดในตลาด FOREX แต่ทั้งนี้นักลงทุนควรหมั่นติดตามสภาวะเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร และศึกษาปัจจัยต่างๆที่มีผลกระทบอย่างสม่ำเสมอ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- https://www.silpa-mag.com/history/article_135387
- https://stripe.com/th/resources/more/which-countries-use-the-british-pound-a-guide-to-where-this-currency-is-used#praethsaidbaangthiiaichskulenginpndangkrs