การเก็งกำไรจากค่าเงิน หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อว่า “การเทรด Forex” (Foreign Exchange) เป็นกิจกรรมทางการเงินที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในประเทศไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนรุ่นใหม่ที่มองหาช่องทางสร้างรายได้ออนไลน์ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความสงสัยอยู่มากว่า “การเก็งค่าเงินผิดกฎหมายหรือไม่?” โดยเฉพาะในบริบทของกฎหมายไทย บทความนี้จะให้คำตอบอย่างเป็นระบบและมีอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้

1. ความหมายของการเก็งค่าเงิน

การเก็งค่าเงินหมายถึงการซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศเพื่อแสวงหาผลกำไรจากส่วนต่างของอัตราแลกเปลี่ยน เช่น การซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงที่อ่อนค่า แล้วขายในช่วงที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับการลงทุนในตลาดหุ้นหรือทองคำ

ในบริบทของตลาด Forex นักลงทุนมักใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศในการซื้อขายสกุลเงินคู่ เช่น USD/THB, EUR/USD โดยอาศัยความเคลื่อนไหวของค่าเงินในตลาดโลกเพื่อทำกำไร

2. การเก็งค่าเงินผิดกฎหมายหรือไม่ในประเทศไทย

คำตอบคือ ไม่ผิดกฎหมาย ตราบใดที่ผู้ลงทุนทำการเก็งกำไรด้วยตนเองผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศที่เปิดให้บริการอย่างถูกต้อง และไม่มีการชักชวนหรือระดมทุนจากบุคคลอื่นเพื่อเก็งกำไรร่วมกัน

อ้างอิงจากเว็บไซต์ ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า:

“ในปัจจุบันยังไม่มีบริษัทใดในประเทศไทยได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจซื้อขายเงินตราต่างประเทศกับบุคคลทั่วไปเพื่อเก็งกำไร”
(ที่มา: ธปท., ข่าวประชาสัมพันธ์ 19 กันยายน 2565)

นั่นหมายความว่า บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเป็น “โบรกเกอร์ Forex” ในประเทศไทยยังไม่สามารถดำเนินกิจการอย่างถูกกฎหมายในลักษณะรับซื้อขายสกุลเงินโดยตรงกับลูกค้าไทย แต่ การที่บุคคลธรรมดาในไทยเปิดบัญชีและเทรดกับโบรกเกอร์ต่างประเทศเอง ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย เพราะเป็นการลงทุนด้วยตนเอง

3. สิ่งที่ผิดกฎหมาย

แม้การเก็งกำไรค่าเงินด้วยตนเองจะไม่ผิด แต่มีพฤติกรรมบางประเภทที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย ได้แก่:

  • การชักชวนให้ผู้อื่นร่วมลงทุนโดยอ้างว่าเป็นการเทรด Forex และการันตีผลตอบแทน เช่น เดือนละ 10%
  • การรับฝากเงินจากผู้อื่นเพื่อเทรดแทน โดยไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์
  • การเปิดธุรกิจรับลงทุน Forex โดยไม่มีใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. หรือ ธปท.
  • การหลอกลวงว่าเป็นตัวแทนโบรกเกอร์หรือบริษัทต่างประเทศ เพื่อรับเงินจากนักลงทุน

พฤติกรรมเหล่านี้อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ พ.ศ. 2535, พ.ร.บ.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

4. ตัวอย่างคดีจริง

หนึ่งในคดีที่มีชื่อเสียงคือคดี Forex-3D ซึ่งผู้จัดทำโครงการรับระดมทุนจากประชาชน อ้างว่าจะนำเงินไปลงทุนในตลาด Forex และการันตีผลตอบแทนเป็นรายเดือน โดยไม่มีใบอนุญาตและไม่มีการซื้อขายจริง ส่งผลให้มีผู้เสียหายหลายพันคนและเกิดความเสียหายมูลค่าหลายพันล้านบาท ซึ่งถือเป็นการหลอกลวงและผิดกฎหมายหลายฉบับ

5. แนวทางการลงทุนที่ถูกต้อง

หากผู้ลงทุนต้องการเก็งกำไรจากค่าเงินอย่างถูกต้องและปลอดภัย ควรปฏิบัติดังนี้:

  • ศึกษาและเลือกโบรกเกอร์ต่างประเทศที่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศที่น่าเชื่อถือ เช่น FCA (อังกฤษ), ASIC (ออสเตรเลีย), CySEC (ไซปรัส)
  • ลงทุนด้วยเงินของตนเองเท่านั้น หลีกเลี่ยงการฝากเงินกับบุคคลที่อ้างว่าจะเทรดแทน
  • ไม่หลงเชื่อการันตีผลตอบแทน เช่น 10% ต่อเดือน
  • ติดตามข่าวสารและคำเตือนจาก ธปท. และ ก.ล.ต. อย่างสม่ำเสมอ

สรุป

การเก็งกำไรจากค่าเงินหรือการเทรด Forex ด้วยตัวเอง ไม่ถือว่าผิดกฎหมายในประเทศไทย ตราบใดที่ผู้ลงทุนทำด้วยตนเองผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศโดยไม่เกี่ยวข้องกับการระดมทุนหรือรับฝากเงินจากบุคคลอื่น อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังกลุ่มมิจฉาชีพที่แอบอ้างชื่อโบรกเกอร์หรือบริษัทเพื่อหลอกลวงผู้ลงทุน หากต้องการลงทุนอย่างปลอดภัย ควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านและไม่หลงเชื่อคำชักชวนที่เกินจริง

แหล่งอ้างอิง