กลยุทธ์การเทรด-Martingale

กลยุทธ์ Martingale คืออะไร

Martingale คือ กลยุทธ์การเทรดหรือการพนันที่เน้นไปที่การเพิ่มขนาดตำแหน่งหรือจำนวนเงินที่เดิมพันเมื่อมีการสูญเสีย โดยเพิ่มขนาดเป็นสองเท่าจากที่แพ้ในครั้งก่อนหน้า

หรือเรียอีกอย่างว่ากลยุทธ์ในการเทรดหรือพนันที่ตั้งอยู่บนความคิดหลักง่ายๆ คือ หากคุณขาดทุน ให้คุณเพิ่มจำนวนเงินที่เล่นในครั้งถัดไปด้วยอัตราที่เป็นเลขคูณ จนกว่าคุณจะชนะ หลังจากนั้นคุณจะกลับไปเล่นด้วยจำนวนเงินเดิมที่คุณเริ่มต้น

ขั้นตอนการดำเนินการ

  • เริ่มต้นด้วยขนาดการเดิมพันหรือตำแหน่งเริ่มต้น (เช่น $1)
  • หากคุณชนะ ให้กลับไปใช้ขนาดการเดิมพันเริ่มต้น
  • หากคุณแพ้ ให้เพิ่มขนาดตำแหน่งเป็นสองเท่า (เช่น จาก $1 เป็น $2)
  • ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 2-3 จนกว่าคุณจะชนะ
  • หลังจากชนะ ขนาดการเดิมพันจะกลับไปที่เริ่มต้น

วัตถุประสงค์

เป้าหมายของการใช้กลยุทธ์นี้ คือ ในขณะที่คุณจะมีลำดับการสูญเสียที่ยาว การเดิมพันที่ชนะครั้งเดียวสุดท้ายจะชดเชยการสูญเสียทั้งหมดและยังได้กำไรเล็กน้อย

ข้อควรระวัง

  • ต้องใช้เงินทุนที่มากพอที่จะรองรับลำดับการสูญเสียที่ยาวนาน
  • ความเสี่ยงของการขาดทุนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • ถ้าเป็นการเทรด โบรกเกอร์อาจจำกัดการใช้ leverage หรือจำนวนออร์เดอร์
  • เสี่ยงขาดทุนมาก: ถ้าคุณติดลบอย่างต่อเนื่อง จำนวนเงินที่คุณต้องใช้ในการเทรดจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • เงินทุนจำกัด: ซึ่งส่วนใหญ่ของเรามีเงินทุนที่จำกัด และไม่สามารถทำตามกลยุทธ์นี้ไปได้ตลอด
  • ตลาดไม่คงที่: มีการเคลื่อนไหวของราคาและรูปแบบตลาดที่สามารถทำให้กลยุทธ์นี้ล้มเหลว
  • จำกัดของโบรกเกอร์: บางโบรกเกอร์มีจำกัดเรื่องการใช้งาน leverage หรือจำนวนออร์เดอร์สูงสุด

Martingale

ตัวอย่างกลยุทธ์ Martingale ที่พบเห็นได้ทั่วไป

  • คุณเริ่มเทรดด้วย $1 และขาดทุน
  • คุณเทรดครั้งถัดไปด้วย $2 และขาดทุนอีก
  • คุณเทรดครั้งถัดไปด้วย $4 และขาดทุนอีก
  • คุณเทรดครั้งถัดไปด้วย $8 และชนะ
  • ในตัวอย่างนี้ คุณจะได้กำไร $8 ในรอบสุดท้าย แต่คุณได้ขาดทุน $1 + $2 + $4 = $7 ในรอบก่อนหน้า ทำให้คุณได้กำไรสุทธิ $1 คุณจะเริ่มเทรดครั้งถัดไปด้วย $1 อีกครั้ง

ซึ่งในทางทฤษฎี คุณจะไม่เคยขาดทุน หากคุณมีเงินทุนไม่จำกัด และมันเป็นกลยุทธ์ที่ง่ายต่อการใช้งานและเข้าใจนั้นเอง

กลยุทธ์การเทรด Martingale

กลยุทธ์การเทรด Martingale ถัวอย่างถูกวิธี

กลยุทธ์ Martingale ในการเทรด Forex หรือตลาดทุนอื่นๆ ทั้งหมด คือ กลยุทธ์ที่ใช้ในการจัดการขนาดของตำแหน่งหรือการเดิมพันเมื่อสูญเสีย โดยเน้นที่การเพิ่มขนาดของตำแหน่งหรือขนาดของการเดิมพันเมื่อพบกับการสูญเสีย ดังนี้:

ขั้นตอนพื้นฐาน

  • เริ่มต้น: กำหนดขนาดของตำแหน่งเริ่มต้น (เช่น 1 lot หรือ 1 lot)
  • เมื่อชนะ: กลับไปใช้ขนาดของตำแหน่งเริ่มต้น
  • เมื่อแพ้: เพิ่มขนาดของตำแหน่งเป็นสองเท่า (เช่น ถ้าคุณเริ่มที่ 1 lot แล้วแพ้ ตำแหน่งถัดไปจะเป็น 2 lots)
  • สั่งขายหรือซื้อ: ซื้อหรือขายตามทิศทางของสัญญาณเทรด
  • เมื่อชนะ: หากชนะ ขนาดของตำแหน่งจะกลับไปที่เริ่มต้น และการสูญเสียก่อนหน้านี้จะถูกชดเชย

วัตถุประสงค์

  • ชดเชยการสูญเสีย: หากคุณชนะ คุณจะได้กำไรเล็กน้อย และชดเชยสำหรับการสูญเสียก่อนหน้านี้

ข้อควรระวัง

  • ความเสี่ยงของการ “เบิร์น” บัญชี: คุณจำเป็นต้องมีเงินทุนพอ ๆ หากต้องการใช้กลยุทธ์นี้ในระยะยาว
  • การป้องกันการสูญเสีย: ควรใช้ stop-loss เพื่อจำกัดขนาดของการสูญเสีย
  • อัตรา Leverage: ต้องระมัดระวังในการใช้ leverage อย่างสูง ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยง
  • ความผันผวนของตลาด: ตลาดที่มีความผันผวนสูงอาจทำให้ Martingale ล้มเหลวได้

กลยุทธ์ Martingale เป็นกลยุทธ์ที่ต้องใช้ในระยะสั้น และควรใช้ร่วมกับวิธีการเทรดและการจัดการความเสี่ยงอื่นๆ มันเป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงสูง แต่ถ้าใช้ได้อย่างถูกต้อง ก็สามารถให้ผลตอบแทนได้ในระยะสั้น

กลยุทธ์ Martingale ใช้ในการเทรดได้ไหม

การใช้กลยุทธ์ Martingale ในการเทรด Forex หรือตลาดทุนต่าง ๆ ได้รับความนิยมในหมู่นักเทรดที่ต้องการชดเชยการสูญเสียจากการเทรดที่ไม่ประสบความสำเร็จในอดีต สำหรับตัวอย่างของคุณ คุณเสี่ยง $200 ต่อการเทรด หากคุณชนะ คุณจะได้กำไร $200 และคุณจะวางเงิน $200 ในการเทรดถัดไป เมื่อคุณแพ้ คุณจะเพิ่มขนาดของการเดิมพันเป็นสองเท่า นั่นคือ $400 หากยังคงแพ้ คุณจะเพิ่มเป็น $800 ต่อไป

คุณจะต้องเสี่ยงเงินเพิ่มเรื่อย ๆ จนกว่าคุณจะชนะ การเทรดที่ชนะจะชดเชยการขาดทุนทั้งหมด แต่ข้อควรระวังคือคุณจำเป็นต้องมีเงินทุนที่เพียงพอในบัญชีของคุณเพื่อรองรับการเพิ่มขนาดการเดิมพัน นอกจากนี้ความผันผวนของตลาดอาจทำให้การเทรดของคุณล้มเหลวแม้ว่าคุณจะใช้ Martingale การใช้ leverage สูงเพิ่มความเสี่ยงของการสูญเสียได้อย่างรวดเร็ว สถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น ข่าวที่มีผลกระทบต่อตลาด หรือเหตุการณ์พิเศษอื่น ๆ สามารถขบวนการเทรดของคุณได้อย่างรวดเร็ว

ดังนั้น ถึงแม้ว่า Martingale จะดูเหมือนกลยุทธ์ที่ดีสำหรับการชดเชยการขาดทุน มันก็เป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงสูง คุณต้องเข้าใจความเสี่ยงและปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและควรใช้ร่วมกับวิธีการเทรดและการจัดการความเสี่ยงอื่น ๆ ในระยะยาว การใช้ Martingale อาจไม่เป็นทางเลือกที่ยั่งยืนหากคุณไม่มีเงินทุนและวิธีการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม

การใช้กลยุทธ์ Martingale ในการเทรด

การใช้กลยุทธ์ Martingale ควรเลือกสินทรัพย์, กำหนดขนาดตำแหน่ง, วางคำสั่ง, และตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit ทั้งนี้สำหรับนักเทรดที่มีเงินทุนเยอะเท่านั้น ต้องใช้วิธีการจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เพราะหากติดขัดจังหวะหนึ่ง คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมด

มีข้อดีของ Martingale คือ ความง่ายในการประยุกต์ใช้ ไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์ทิศทางหรือแนวโน้มของตลาด แต่คุณต้องรับประกันว่าจะมีเงินทุนเพียงพอสำหรับการเพิ่มขนาดของการเดิมพันเมื่อคุณแพ้

คำเตือน

คือ Martingale ไม่เป็นวิธีที่จะทำให้คุณชนะในตลาดแต่เป็นวิธีที่จะทำให้การเทรดของคุณรอบคอบมากขึ้นเมื่อเทียบกับการเดิมพันขนาดคงที่ ซึ่งคุณจำเป็นต้องมีเงินทุนที่มากพอเพื่อสนับสนุนกลยุทธ์นี้ นอกจากนี้ การใช้ Stop Loss และ Take Profit ด้วยอัตราส่วน 1:2 ก็ยังเป็นเพียงวิธีในการจัดการความเสี่ยง แต่ไม่รับประกันการทำกำไร คุณต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่ามันเหมาะสมกับสถานการณ์การเทรดของคุณหรือไม่ และควรขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเพื่อประเมินความเสี่ยงและความเหมาะสมของกลยุทธ์นี้ให้ครบถ้วน

การปรับใช้กลยุทธ์ Martingale ถัวอย่างถูกวิธี

กลยุทธ์ Martingale สามารถปรับใช้ในการเทรดสินทรัพย์หลายประเภท ตั้งแต่หุ้น, สกุลเงิน, ถึงสินทรัพย์ดิจิทัล และเหมาะสำหรับนักเทรดที่มีเงินทุนอย่างเพียงพอ ดังนี้คือขั้นตอนที่คุณควรดำเนินการ

  • เลือกสินทรััพย์ที่จะเทรดและกรอบเวลา: คุณควรเลือกสินทรัพย์ที่คุณคุ้นเคยและเข้าใจ พร้อมกับการตั้งค่ากรอบเวลาที่คุณต้องการเทรด
  • กำหนดขนาดตำแหน่งพื้นฐาน: เริ่มต้นด้วยการเทรดในขนาดที่จัดการความเสี่ยงได้ แต่ยังคงมีเงินทุนพอสำหรับการขยายขนาดตำแหน่งหากต้องการ
  • วางคำสั่งซื้อหรือขาย: ตามกลยุทธ์หรือข้อมูลที่คุณมี วางคำสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ที่คุณเลือก
  • ตั้งค่าระดับ Stop Loss และ Take Profit: ควรตั้งค่าด้วยอัตราส่วน 1:2 ซึ่งหมายถึงหากคุณเสี่ยง 1 หน่วย คุณควรได้รับกำไร 2 หน่วยเมื่อถึงจุด Take Profit
  • การกระตุ้นจุด Stop Loss หรือ Take Profit: หากการเทรดของคุณถูกกระตุ้นที่จุด Stop Loss หรือ Take Profit คุณควรวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อดูว่าควรเพิ่มขนาดตำแหน่งหรือกลับไปยังขนาดตำแหน่งพื้นฐานนั้นเอง

ข้อดีข้อเสียกลยุทธ์การเทรด Martingale

ข้อดี

  1. ง่ายต่อการเข้าใจและใช้งาน เพราะกลยุทธ์นี้ไม่ซับซ้อนและสามารถนำไปใช้ได้ง่าย
  2. ในการเทรดที่สำเร็จมีความแปรปรวนต่ำ คุณจะได้รับกำไรเสมอด้วยจำนวนเงินที่คงที่
  3. คุณสามารถทราบขนาดของการเดิมพันในแต่ละรอบเล่นได้ล่วงหน้า
  4. หากคุณมีช่วงเวลาที่ราคาขยับในทิศทางที่คุณคาดหวัง คุณจะทำกำไรได้เร็ว หรือสามารถทำกำไรได้เร็วในระยะสั้นนั้นเอง
  5. ไม่จำเป็นต้องมีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับตลาด ไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์เทคนิคหรือพื้นฐานของตลาด
  6. สามารถปรับขนาดการเดิมพันในแต่ละรอบเพื่อทำให้เหมาะสมกับเงินทุนของคุณ
  7. ภายใต้สถานการณ์ที่เหมาะสม คุณสามารถมีจำนวนครั้งของการชนะที่สูง
  8. สามารถนำไปปรับใช้ในหลายๆ สถานการณ์และตลาด เพราะมีความยืดหยุ่นในการปรับตัว
  9. ไม่จำเป็นต้องตัดสินใจที่ซับซ้อนในขณะเทรด ซึ่งสามารถลดความเครียดในการตัดสินใจ
  10. หากมีเงินทุนอย่างเพียงพอ คุณสามารถฟื้นตัวจากการแพ้ในรอบก่อนหน้าและยังมีโอกาสทำกำไรได้

ข้อเสีย

  1. ถ้าคุณติดอยู่ในช่วงเวลาที่เลวร้าย คุณอาจจะสูญเสียเงินทุนของคุณไปหมด
  2. การใช้ Martingale จำเป็นต้องใช้เงินทุนที่มากเพื่อรองรับการเพิ่มขนาดการเดิมพันเมื่อเกิดการสูญเสีย
  3. ไม่ยั่งยืนในระยะยาว ยิ่งคุณเทรดนานขึ้น ความเสี่ยงที่จะเสียเงินจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
  4. ในการเทรดที่สำเร็จ ผลตอบแทนมักจะน้อยเมื่อเทียบกับขนาดเงินทุนที่ต้องใช้
  5. ความเครียดและความตื่นเต้นที่เพิ่มขึ้นอาจจะทำให้คุณตัดสินใจที่ไม่รอบคอบ
  6. อัตราการเพิ่มขนาดการเดิมพันทำให้ยากที่จะควบคุมความเสี่ยงในแต่ละการเทรด
  7. Martingale ไม่มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ทิศทางของตลาด

การเทรดที่มากขึ้นอาจจะนำไปสู่ค่าธรรมเนียมและภาษีที่สูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ผลตอบแทนลดลง

  1. บางโบรกเกอร์อาจจะมีข้อจำกัดในการเทรดที่สูง ทำให้ไม่สามารถใช้กลยุทธ์นี้ได้เต็มที่
  2. ข่าวหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดถึงอาจจะทำให้ตลาดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์ของคุณ