Stop Hunt หรือ การล่า Stop Loss คือพฤติกรรมของตลาดที่ราคามีการเคลื่อนไหวในลักษณะที่พุ่งทะลุแนวรับหรือแนวต้านชั่วคราว เพื่อดึงให้เกิดการปิดออร์เดอร์ของเทรดเดอร์รายย่อย จากนั้นจึงกลับตัวไปในทิศทางตรงข้าม ปรากฏการณ์นี้มักถูกเข้าใจว่าเป็น “การกลั่นแกล้ง” จากรายใหญ่หรือกลุ่มสถาบันที่มีอำนาจในการขับเคลื่อนตลาด
Stop Hunt เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ในตลาด Forex หรือแม้กระทั่งในตลาดหุ้น ราคาถูกขับเคลื่อนด้วยคำสั่งซื้อ (Buy Orders) และคำสั่งขาย (Sell Orders) เมื่อมีปริมาณคำสั่งมากในระดับราคาหนึ่งๆ มันจะกลายเป็น “แหล่งของสภาพคล่อง” ที่ผู้เล่นรายใหญ่ (เช่น ธนาคาร, สถาบันการเงิน, Market Maker) สามารถใช้เพื่อเข้า Position ขนาดใหญ่ได้
ตำแหน่งของ Stop Loss โดยทั่วไปจะถูกวางไว้:
- เหนือแนวต้าน (ในฝั่ง Sell)
- ใต้แนวรับ (ในฝั่ง Buy)
ผู้เล่นรายใหญ่สามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้เป็น “จุดเป้าหมาย” ที่จะดันราคาไปชน เพื่อ:
- สร้างสภาพคล่อง (เปิดออเดอร์จำนวนมาก) จากคำสั่ง Stop Loss ที่รายย่อยคลายของออกมา
- ทำให้ราคามี Volume มากพอสำหรับการเข้าเทรดของพวกเขา
- สร้างภาพลวงตาให้กับเทรดเดอร์รายย่อยว่าราคากำลัง Breakout ก่อนที่จะ Reverse กลับมาในทิศทางเดิม
ตัวอย่างสถานการณ์ของ Stop Hunt
ตัวอย่างกราฟราคาทองคำ
- มีแนวรับที่ระดับราคา 1217 ดอลลาร์
- เทรดเดอร์หลายคนเปิดออร์เดอร์ Buy ที่บริเวณนี้ โดยวาง Stop Loss ไว้ที่ 1210 ดอลลาร์
- ราคาค่อยๆ ลงไปแตะ 1210 ดอลลาร์ ทำให้เกิดการปิดออร์เดอร์แบบขาดทุนจำนวนมาก
- จากนั้นราคาเด้งกลับขึ้นมาทันทีและวิ่งต่อขึ้นไป
พฤติกรรมนี้คือ Stop Hunt อย่างชัดเจน รายใหญ่ตบหลอกรายย่อยให้หลุด Stop loss จากนั้นดึงกลับขึ้นไปทันที
ทำไมต้องมี Stop Hunt?
1. เพื่อสร้างสภาพคล่อง (Liquidity)
ผู้เล่นรายใหญ่ไม่สามารถเปิดออร์เดอร์ขนาดใหญ่ในตลาด Volume บางๆ ได้โดยไม่ทำให้ราคาเคลื่อนไหวผิดธรรมชาติ ดังนั้นพวกเขาต้องการ “จับคู่คำสั่ง” กับรายย่อยที่วาง Stop Loss ไว้ ซึ่งเป็นคำสั่งแบบ Market Order ที่สามารถเติมสภาพคล่องได้ทันที
2. เพื่อหลอกให้เทรดเดอร์เข้าผิดทาง
Stop Hunt มักมากับภาพลวงตาของการ Breakout หรือการกลับตัวสำคัญ รายย่อยที่เห็นราคาทะลุแนวต้านอาจเปิด Buy ตาม ขณะที่รายใหญ่เริ่มขายทันทีหลังจากดึงราคาขึ้นให้ดูเหมือนเป็นขาขึ้น
3. เพื่อเปิด Position ในราคาที่ดีที่สุด
การลากราคามา Trigger Stop Loss ก่อนกลับตัว ช่วยให้รายใหญ่สามารถเปิด Position ตรงข้ามกับแนวโน้มหลอกที่พวกเขาสร้างขึ้น และเก็บออร์เดอร์ในจุดราคาที่ให้ความได้เปรียบสูงสุด
วิธีสังเกต Stop Hunt บนกราฟราคา
แม้จะไม่มีวิธีใดที่รับประกัน 100% แต่คุณสามารถใช้หลักการต่อไปนี้ในการวิเคราะห์:
- มี “ไส้เทียน” ยาวทะลุแนวรับหรือแนวต้าน แล้วปิดกลับเข้ามาในกรอบเดิม
- เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาดมีสภาพคล่องต่ำหรือมีข่าวสำคัญ (เช่นก่อนข่าว NFP, CPI ฯลฯ)
- มี Volume พุ่งขึ้นผิดปกติในช่วงสั้นๆ
- ราคากลับตัวแรงทันทีหลังชน Stop
แนวทางหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อ Stop Hunt
1. อย่าวาง Stop Loss ชิดแนวรับ/แนวต้านมากเกินไป
การวาง Stop Loss ห่างออกมาเล็กน้อย หรือใช้จุดที่ไม่ใช่แนวจิตวิทยาทั่วไป (เช่นระดับ 00 หรือ 50) อาจช่วยลดโอกาสถูก Stop Hunt
2. รอแท่งยืนยันก่อนเข้าเทรด
อย่าเพิ่งเข้าทันทีเมื่อราคา Breakout ให้รอการยืนยัน เช่นการปิดแท่งเทียนเหนือแนวต้านจริงๆ หรือดูการย่อลงมา Retest แล้วไม่หลุดแนวเดิม
3. พิจารณา Time Frame ที่สูงขึ้น
กราฟ Time Frame ใหญ่เช่น H4, D1 มีแนวโน้มถูกล่อลวงน้อยกว่ากราฟเล็ก เพราะราคาจะแสดงพฤติกรรมที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือมากกว่า
4. บริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด
ไม่ว่าเราจะเก่งแค่ไหน Stop Hunt ก็เกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นการใช้ Risk Management ที่ดีจะช่วยปกป้องพอร์ตจากการขาดทุนหนักเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
สรุป
Stop Hunt ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่มันคือหนึ่งใน “กลไกตามธรรมชาติ” ของตลาดที่ผู้เล่นรายใหญ่ใช้ในการหาสภาพคล่อง เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ตลอด แต่สามารถเรียนรู้เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า
การวิเคราะห์โครงสร้างราคา (Market Structure), ความเข้าใจพฤติกรรมของเทรดเดอร์รายใหญ่ และการบริหารความเสี่ยง คือกุญแจสำคัญในการอยู่รอดและเติบโตในตลาดที่เต็มไปด้วยกับดักเช่นนี้