เทคนิคการตั้ง Stop loss เพื่อจำกัดการขาดทุน

Stop loss คืออะไร

Stop Loss (SL) คือ เครื่องมือที่ใช้กำหนดคำสั่งขายสินทรัพย์หรือปิดสถานะเมื่อราคาเคลื่อนไหวตามเงื่อนไขที่เราตั้งไว้โดยมีจุดประสงค์หลักในการจำกัดการขาดทุนและควบคุมความเสี่ยงของกลยุทธ์การลงทุน ไม่ว่าคุณจะเป็น Swing Trader Scalper หรือ Day Trader ก็สามารถนำ Stop Loss ไปใช้ประโยชน์ในการป้องกันไม่ให้การลงทุนของคุณต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่สูงเกินไป

การใช้ Stop Loss นั้นหมายถึงการกำหนดจุดที่คุณยอมรับว่าการลงทุนของคุณได้ขาดทุนไปแล้วและคุณไม่ต้องการให้การขาดทุนนั้นลุกลามจนเกินกว่าที่คุณสามารถรับได้ ไม่ว่าคุณจะมีกำไรหรือขาดทุนจากการลงทุนที่กำลังดำเนินอยู่การใช้ Stop Loss จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมผลลัพธ์และลดความเสี่ยงที่จะเสียเงินเพิ่มเติมได้ ทั้งนี้การใช้ Stop Loss จึงเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถบริหารการลงทุนของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพและควบคุมความเสี่ยงที่ตามมาได้

อีกทั้งในการกำหนด Stop Loss ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุนเท่านั้น แต่ยังช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างมีระบบมากขึ้น เมื่อนักลงทุนได้กำหนดจุดที่ยอมรับความเสี่ยงไว้ ก็จะทำให้สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้นและไม่ต้องเสียเวลาจับตามองการเคลื่อนไหวของราคาอยู่ตลอดเวลา

นอกจากนี้การใช้ Stop Loss ยังช่วยให้นักลงทุนสามารถปรับพอร์ตการลงทุนได้อย่างทันท่วงทีเมื่อตลาดเปลี่ยนแปลง การกำหนดจุดที่ต้องหยุดขาดทุนล่วงหน้าจะทำให้นักลงทุนไม่ต้องตัดสินใจภายใต้ความกดดัน เพราะเมื่อราคาหุ้นหรือสินทรัพย์ที่ลงทุนไว้ถึงจุดที่กำหนดไว้ ระบบจะทำการขายหรือปิดสถานะโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถคงรักษาเงินทุนไว้ได้มากขึ้นและมีโอกาสกลับมาทำกำไรในภายหลัง

เทคนิคการตั้ง Stop loss

เทคนิคการตั้ง Stop loss เพื่อจำกัดการขาดทุน

การตั้ง Stop Loss เป็นเทคนิคที่สำคัญในการจำกัดการขาดทุนและควบคุมความเสี่ยงของนักลงทุน นี่คือขั้นตอนและวิธีการตั้ง Stop Loss เพื่อจำกัดการขาดทุน

  • กำหนดจุดที่ยอมรับความเสี่ยง: นักลงทุนต้องกำหนดจุดที่ยอมรับว่าการลงทุนนั้นอาจสูญเสียไป ซึ่งสามารถกำหนดเป็นเปอร์เซ็นต์หรือจำนวนเงินที่ยอมขาดทุนได้ เช่น 2% ของเงินลงทุนทั้งหมด
  • ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค: นักลงทุนสามารถใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น ระดับความต้านทานและการสนับสนุน กราฟแนวโน้ม และอื่น ๆ เพื่อกำหนดจุด Stop Loss ที่เหมาะสม
  • ใช้ Trailing Stop: Trailing Stop เป็นวิธีการตั้ง Stop Loss ที่จะปรับตำแหน่ง Stop Loss ไปตามการเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางที่มีผลตอบแทนที่ดี เพื่อรักษากำไรและจำกัดการขาดทุน
  • ตรวจสอบและปรับเปลี่ยน: นักลงทุนควรตรวจสอบและปรับเปลี่ยนจุด Stop Loss ของตนเป็นประจำ ตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดและสถานการณ์การลงทุน
  • ไม่ต้องการปรับ Stop Loss: หลังจากตั้ง Stop Loss แล้ว ไม่ควรปรับจุด Stop Loss ไปในทิศทางที่เพิ่มความเสี่ยง เพื่อหวังว่าราคาจะกลับไปในทิศทางที่ต้องการ

ด้วยการใช้เทคนิคการตั้ง Stop Loss ที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์การลงทุนนั้น จะช่วยให้นักลงทุนสามารถจำกัดการขาดทุนและควบคุมความเสี่ยงได้อย่างดี

ส่วนบนของฟอร์ม

หลักการใช้ Stop loss ในการเทรด forex

กำหนดจุดหยุดขาดทุนทันทีหลังจากเปิดออเดอร์

  • เมื่อคุณเปิดออเดอร์ใหม่ ควรกำหนดจุดหยุดขาดทุนทันที เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของราคาที่อาจทำให้คุณขาดทุนมากขึ้น

ใช้จุดหยุดขาดทุนอย่างเหมาะสมกับกลยุทธ์การเทรดของคุณ

  • หากคุณเทรดในกรอบเวลาสั้น ควรใช้จุดหยุดขาดทุนที่แคบ เพื่อจำกัดความเสี่ยง
  • หากคุณเทรดในกรอบเวลายาว คุณอาจใช้จุดหยุดขาดทุนที่กว้างกว่าเพื่อให้ตำแหน่งของคุณมีพื้นที่ในการเคลื่อนไหว

ปรับจุดหยุดขาดทุนตามความเคลื่อนไหวของราคา

  • คุณควรปรับจุดหยุดขาดทุนของคุณเมื่อราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ดีต่อคุณ เพื่อรักษากำไรที่คุณได้

อย่าย้ายจุดหยุดขาดทุนเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุน

  • การย้ายจุดหยุดขาดทุนเพื่อหลีกเลี่ยงการถึงจุดหยุดขาดทุนไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดี เพราะมันอาจทำให้คุณขาดทุนมากขึ้นในอนาคต

ใช้จุดหยุดขาดทุนตามสถิติและวิเคราะห์ทางเทคนิค

  • การใช้ข้อมูลสถิติเช่นความผันผวนของราคา และวิเคราะห์ทางเทคนิค สามารถช่วยให้คุณตั้งจุดหยุดขาดทุนที่เหมาะสมกับตลาดได้

กำหนดจุดหยุดขาดทุนที่มีเหตุผล

  • ควรกำหนดจุดหยุดขาดทุนที่มีเหตุผลและสอดคล้องกับกลยุทธ์การเทรดและสภาพตลาด ไม่ควรกำหนดจุดหยุดขาดทุนที่แคบจนเกินไปจนทำให้ตำแหน่งของคุณถูกปิดเร็วเกินไป

ไม่ควรกลัวที่จะถูกหยุดขาดทุน

  • การถูกหยุดขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของการเทรด และไม่ควรกลัวที่จะถูกหยุดขาดทุน ที่สำคัญคือคุณต้องวิเคราะห์ว่าเหตุใดทำให้คุณถูกหยุดขาดทุนและปรับปรุงกลยุทธ์การเทรดของคุณ

เรียนรู้จากการถูกหยุดขาดทุน

  • แทนที่จะเสียใจจากการถูกหยุดขาดทุน คุณควรเรียนรู้จากประสบการณ์นั้นๆ เพื่อปรับปรุงและพัฒนากลยุทธ์การเทรดของคุณให้ดีขึ้น

ใช้จุดหยุดขาดทุนร่วมกับการวิเคราะห์พื้นฐาน

  • นอกจากการใช้วิเคราะห์ทางเทคนิคแล้ว คุณควรใช้ข้อมูลทางพื้นฐานเพื่อช่วยตัดสินใจในการตั้งจุดหยุดขาดทุนของคุณ

มีวินัยในการใช้จุดหยุดขาดทุน

  • มีวินัยในการใช้จุดหยุดขาดทุนเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรยึดมั่นในการใช้จุดหยุดขาดทุนเสมอไม่ว่าสถานการณ์ตลาดจะเป็นอย่างไร

แนวทางเทคนิค stop loss

แนวทางเทคนิค stop loss

กลยุทธ์การตั้ง stop loss มีหลายแบบให้เทรดเดอร์เลือกใช้ และสามารถปรับให้เข้ากับระบบเทรดที่กำลังใช้อยู่ stop loss เป็นส่วนสำคัญที่ควรใส่ในแผนการเทรดทุกครั้งเพื่อป้องกันความเสี่ยงและลดการขาดทุน แม้แต่นักเทรดมืออาชีพยังตั้งจุดหยุดขาดทุนอย่างเคร่งครัด การศึกษาและเข้าใจวิธีการตั้ง stop loss จึงเป็นสิ่งจำเป็น การเลือกจุดหยุดขาดทุนที่เหมาะสมกับรูปแบบการเทรดของตัวเองจะช่วยให้เทรดเดอร์ประสบความสำเร็จในตลาด forex การปรับพฤติกรรมการเทรดและการฝึกฝนกลยุทธ์ที่เลือกใช้อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้เทรดเดอร์เห็นผลลัพธ์ที่คุ้มค่าและมีความสุขในการเทรดที่มีวินัยและระเบียบวินัย

หากเทรดเดอร์ไม่มีแผนการตั้ง stop loss จะเหมือนกับการขับรถโดยไม่ใส่เข็มขัดนิรภัย ความเสี่ยงที่จะต้องเผชิญก็ย่อมเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด การตั้ง stop loss จึงเปรียบเสมือนเป็นเครื่องมือที่ช่วยปกป้องเทรดเดอร์จากความเสี่ยงที่ไม่คาดคิดและป้องกันการขาดทุนอย่างหนักหน่วง ในทำนองเดียวกัน การศึกษาและเรียนรู้จากการใช้ stop loss ก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการพัฒนาตัวเองในการเป็นนักเทรดที่มีความสามารถและเข้าใจถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง

ไม่ว่าเทรดเดอร์จะเลือกใช้กลยุทธ์การตั้ง stop loss แบบไหน สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าจุดหยุดขาดทุนที่ตั้งไว้สามารถปกป้องคุณจากความเสี่ยงได้มากแค่ไหน และคุณจะสามารถยอมรับผลขาดทุนที่เกิดขึ้นได้เพียงใด การตั้ง stop loss ควรเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเทรดที่ครอบคลุม ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์ตลาด การเลือกจังหวะเข้าออก และการจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม ดังนั้น การมีแผนการเทรดที่ดีและการใช้ stop loss ในการเทรดของคุณจะช่วยให้คุณสามารถเทรดได้อย่างมั่นใจและมีโอกาสสร้างกำไรได้มากขึ้น ไม่ว่าตลาดจะเป็นอย่างไรก็ตามนั้นเอง

ส่วนบนของฟอร์ม

ตัวอย่างขั้นตอนง่ายๆ การตั้ง stop loss

การคำนวณจุด Stop loss ไม่ได้ยากเลย ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนง่ายๆ ที่คุณสามารถทำตามได้

  1. กำหนดราคาที่คุณต้องการเข้าซื้อหรือขาย: ในตัวอย่างนี้ สมมติว่าคุณตัดสินใจซื้อ EUR/USD ที่ราคา 2200 จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่คุณได้ทำมา
  2. หาระดับแนวรับหรือแนวต้านที่เหมาะสม: ในกรณีซื้อ คุณจะต้องหาแนวรับที่ใกล้ที่สุด เช่น ในตัวอย่างนี้คือ 2150
  3. คำนวณจุด Stop loss: ลบราคาแนวรับที่คุณหาได้ออกจากราคาซื้อของคุณ ในตัวอย่างนี้คือ 2200 – 1.2150 = 50 pip
  • 50 pip นี้ คือจำนวนความเสี่ยงที่คุณยอมรับหากตลาดกลับตัว และนี้ก็คือจุดที่คุณจะตั้ง Stop loss ของคุณ

การตั้ง SL เพื่อสร้างกลยุทธ์เทรด

  • การตั้ง Stop Loss (SL) ควรทำควบคู่ไปกับการตั้ง Target เพื่อสร้างอัตราส่วนความเสี่ยงต่อกำไร (Risk to Reward Ratio: R:R) ซึ่งจะช่วยในการคำนวณกลยุทธ์การเทรดที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพ
  • ตัวอย่างเช่น ในกลยุทธ์ MA Crossover หากเกิดสัญญาณเข้าซื้อจากการตัดขึ้นของ MA นักเทรดจะกำหนดจุด SL ให้ต่ำกว่าจุดเข้าซื้อ 5% เพื่อลดความเสี่ยงจากการขาดทุน
  • ในทางกลับกัน นักเทรดจะกำหนด Target ให้ได้กำไรเมื่อราคาเติบโตขึ้น 10% นี้ทำให้อัตราส่วน R:R อยู่ที่ 2:1
  • หากจากการทดสอบผลย้อนหลัง (Backtest) และพบว่าอัตราการชนะในกลยุทธ์นี้สูงกว่า 33.3% นั่นหมายความว่ากลยุทธ์การเทรดดังกล่าวมีศักยภาพในการทำกำไร

การตั้ง SL เพื่อสร้างกลยุทธ์เทรด

กลยุทธ์ Stop Loss ที่ดีที่สุด ในการเทรด Forex

กลยุทธ์ Stop Loss ที่ดีที่สุด ในการเทรด Forex

กลยุทธ์ Volatility Stop

การตั้งจุดหยุดขาดทุนจากความผันผวนหรือ Volatility Stop เป็นกลยุทธ์ที่นักเทรดมืออาชีพนิยมใช้เพื่อปรับจุดหยุดขาดทุนให้เข้ากับสภาวะความผันผวนของตลาด การตั้ง Volatility Stop จะช่วยให้นักเทรดสามารถป้องกันความเสี่ยงจากราคาที่เคลื่อนไหวอย่างรุนแรงและไม่คาดคิดได้ดีขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง เช่น ช่วงที่มีข่าวสำคัญหรือเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อตลาด นักเทรดมืออาชีพจะตั้งจุดหยุดขาดทุนที่ห่างจากราคาปัจจุบันเพื่อให้มีพื้นที่ในการเคลื่อนไหวมากขึ้น และไม่ถูกหยุดขาดทุนจากการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของราคา

ในทางตรงกันข้าม เมื่อตลาดมีความผันผวนต่ำ และราคาเคลื่อนไหวอย่างค่อยเป็นค่อยไป นักเทรดสามารถตั้งจุดหยุดขาดทุนที่แคบลง เพื่อปกป้องกำไรและลดความเสี่ยงที่จะถูกหยุดขาดทุนจากการเคลื่อนไหวปกติของราคา

การใช้ Volatility Stop จึงเป็นเทคนิคที่สำคัญในการปรับจุดหยุดขาดทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด ช่วยให้นักเทรดสามารถจำกัดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ดีขึ้น

กลยุทธ์ Confluence Stop

กลยุทธ์ Confluence Stop หมายถึง การใช้งานเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคหลายประการร่วมกัน เพื่อหาจุดหยุดขาดทุนที่เหมาะสม ตัวอย่างของเครื่องมือที่นำมาใช้ในการวิเคราะห์ Confluence Stop ได้แก่

  • เส้นแนวโน้มและกรอบราคา (Trendline and channel)
  • ระดับแนวรับและแนวต้าน (Support and resistance level)
  • เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving average หรือ MA)
  • เส้นฟีโบนักชี (Fibonacci retracement)
  • ความเคลื่อนไหวของราคาในอดีต รวมถึงราคา High และ Low ที่ผ่านมา

โดยการนำเครื่องมือทั้งหมดเหล่านี้มาใช้ร่วมกัน จะสามารถหาจุดหรือบริเวณที่เหมาะสมในการตั้งจุดหยุดขาดทุนได้ ทำให้เทรดเดอร์สามารถจำกัดความเสี่ยงของการลงทุนได้มากขึ้น กลยุทธ์ Confluence Stop ก็มีข้อจำกัด คือบางครั้งอาจเกิดสัญญาณที่ไม่ชัดเจนหรือสัญญาณหลอก ซึ่งทำให้ราคาอาจไม่ไปถึงจุดหรือบริเวณที่เทรดเดอร์ตั้งไว้ ดังนั้น เทรดเดอร์ควรใช้ความรอบคอบและประเมินสภาวะตลาดให้ดีก่อนการตัดสินใจใด ๆส่วนบนของฟอร์ม

กลยุทธ์ Time-based Stop

กลยุทธ์ Time-based Stop คือ การตั้งจุดหยุดขาดทุนตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งสามารถช่วยป้องกันความเสี่ยงจากการถือครองหุ้นหรือสินทรัพย์ในสภาวะตลาดที่ไม่มีการเคลื่อนไหวหรือมีการเคลื่อนไหวในระดับที่แคบ

ตัวอย่างการใช้กลยุทธ์ Time-based Stop

  • นักลงทุนตั้งจุดหยุดขาดทุนในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น 3 วันหลังจากซื้อหุ้น หากราคาหุ้นไม่เคลื่อนไหวตามที่ต้องการ นักลงทุนจะขายหุ้นเพื่อจำกัดการขาดทุน
  • เทรดเดอร์ที่เทรด Forex ตั้งจุดหยุดขาดทุนหลังจากที่เข้าเทรดไป 4 ชั่วโมง หากไม่มีการเคลื่อนไหวตามที่คาดการณ์ไว้ จะทำการปิดออเดอร์

การใช้กลยุทธ์นี้สามารถป้องกันความเสี่ยงจากการถือครองหุ้นหรือสินทรัพย์ในสภาวะที่ไม่มีการเคลื่อนไหว และสามารถให้โอกาสกับนักลงทุนที่จะประเมินสภาวะตลาดใหม่ หรือหาโอกาสลงทุนที่ดีกว่าได้

กลยุทธ์ Trailing Stop

Trailing Stop เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตั้งจุดหยุดขาดทุนที่เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการควบคุมความเสี่ยง ในขณะเดียวกันก็มีความยืดหยุ่นต่อการเคลื่อนไหวของราคาในตลาด นี่คือคำอธิบายเพิ่มเติมและตัวอย่างการใช้งาน

  • หากนักลงทุนซื้อหุ้น A ที่ราคา 100 บาท และตั้ง Trailing Stop ที่ 5% หากราคาหุ้น A เพิ่มขึ้นไป 110 บาท จุดหยุดขาดทุนจะปรับเพิ่มตามราคาขึ้นไปที่ 5 บาท (110 – 5%) ด้วยวิธีนี้ นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ถ้าหุ้น A ลดลงและไปถึงจุดหยุดขาดทุนที่ 104.5 บาท
  • สำหรับเทรดเดอร์ Forex ที่เข้าเทรด EUR/USD ที่ราคา 1000 และตั้ง Trailing Stop ที่ 50 pips หากราคา EUR/USD เพิ่มขึ้นไปที่ 1.1050 จุดหยุดขาดทุนจะปรับเพิ่มตามไปที่ 1.1000 (1.1050 – 0.0050) นั่นหมายความว่า เทรดเดอร์จะไม่ขาดทุนจากการเทรดครั้งนี้แม้ว่าราคาจะกลับลงมา

การใช้กลยุทธ์ Trailing Stop นั้นเหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการรักษากำไรในขณะที่ยังคงให้มีความยืดหยุ่นต่อการเคลื่อนไหวของราคาในตลาด นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เทรดเดอร์มีโอกาสทำกำไรในทุกสภาวะการเคลื่อนไหวของราคา