ในโลกของเศรษฐกิจระหว่างประเทศ “สกุลเงิน” ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สะท้อนถึงความมั่นคงและเสถียรภาพของแต่ละประเทศ โดยค่าเงินของแต่ละชาติจะผันผวนไปตามสภาวะเศรษฐกิจ การเมือง และนโยบายการเงินภายในประเทศนั้นๆ ดังนั้นสกุลเงินที่มีมูลค่า “ถูกที่สุด” หรือเรียกว่า “อ่อนค่าที่สุด” เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอย่างดอลลาร์สหรัฐ (USD) หรือยูโร (EUR) มักเกิดจากปัญหาทางเศรษฐกิจ เช่น ภาวะเงินเฟ้อสูง การคว่ำบาตรระหว่างประเทศ หรือความไม่มั่นคงภายใน เป็นต้น ในบทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับสกุลเงินที่อ่อนค่าที่สุดในโลกในปัจจุบัน วิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้ค่าเงินเหล่านั้นตกต่ำ และสะท้อนภาพรวมของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศเหล่านั้น เพื่อให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างค่าเงินกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระดับโลก
สกุลเงินที่อ่อนค่าที่สุด เป็นอย่างไร
การมองว่าสกุลเงินใด “อ่อนค่าที่สุด” หรือมีมูลค่าต่ำอย่างมาก ทำได้เมื่อเปรียบเทียบสกุลเงินนั้นกับสกุลเงินอื่นนั่นเอง และสกุลเงินที่มักถูกเปรียบเทียบด้วยนั่นก็คือ สกุลเงินหลักอย่างเช่น ดอลลาร์สหรัฐ (USD) หรือ ยูโร (EUR)
ตัวอย่างเช่น
1 USD แลกได้ 42,000 IRR (เรียลอิหร่าน) = แปลว่า 1 IRR แลกได้ 0.000024 USD เท่านั้น
1 USD แลกได้ 0.87504 EUR (ยูโร) = แปลว่า 1 EUR แลกได้ 1.1428 USD
จะเห็นได้ว่าเงินยูโร แข็งค่ากว่าเรียลอิหร่านมาก
ปัจจัยที่ทำให้สกุลเงินอ่อนค่าลง มีอะไรบ้าง
1.) อัตราเงินเฟ้อสูง (High Inflation)
- เมื่อเงินมีมูลค่าลดลง → ซื้อของได้น้อยลง → นักลงทุนไม่มั่นใจในสกุลเงินนั้นก็เทขายไปถือสกุลเงินที่มีมูลค่ามากกว่าแทน
2.) ดอกเบี้ยต่ำ (Low Interest Rate)
- ผลตอบแทนต่ำ → ทำให้นักลงทุนไม่อยากถือเงินสกุลนั้นเพราะไม่คุ้มค่า → เงินไหลออก → ค่าเงินอ่อน
3.) เศรษฐกิจชะลอตัว (Slow Economic Growth)
- ผลิตและส่งออกลดลง → อัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้น → รายได้ภายในประเทศลดลง → การบริโภคของครัวเรือนชะลอตัวลง → เงินทุนไหลออก → ค่าของสกุลเงินลดลงตาม
4.) ขาดดุลบัญชีเดินสะพัด (Current Account Deficit)
- ประเทศมีการนำเข้ามากกว่าส่งออก → เงินไหลออกมากกว่าที่ไหลเข้า
5.) หนี้สาธารณะสูง (High National Debt)
- นักลงทุนกังวลเรื่องการชำระหนี้ → ขายสกุลเงินนั้นออก
6.) ความไม่มั่นคงทางการเมือง
- เช่น การประท้วง รัฐประหาร หรือสงคราม → ทำให้นักลงทุนเทขายเงินสกุลนั้น
7.) นโยบายการเงินหรือการคลังที่ไม่น่าเชื่อถือ
- เช่น การพิมพ์เงินจำนวนมากโดยไม่มีการควบคุม → ทำให้ค่าเงินตกอย่างรุนแรง
8.) การคว่ำบาตรจากนานาชาติ (Sanctions)
- เช่น อิหร่าน รัสเซีย → นักลงทุนไม่สามารถเข้าถึงตลาดหรือทำธุรกรรมได้
9.) การเก็งกำไรในตลาดการเงิน
- นักลงทุนอาจเทขายสกุลเงินบางประเทศจากข่าวลือหรือการคาดการณ์ → ทำให้ค่าเงินตกชั่วคราว
10 สกุลเงินที่อ่อนค่าที่สุดในโลก (เทียบต่อ 1 USD) ได้แก่ (ข้อมูล 12 มิ.ย. 2025)
1.) ปอนด์เลบานอน (LBP) ประเทศเลบานอน : 89,903.373 LBP/USD
- สกุลเงินที่อ่อนที่สุด จากปัญหาวิกฤตค่าเงินรุนแรง รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองที่มีมาอย่างยาวนาน
2.) อิหร่านเรียล (IRR) ประเทศอิหร่าน : 42,263.518 IRR/USD
- อิหร่านถูกคว่ำบาตรจากเหล่าชาติตะวันตก ซึ่งนำโดยสหรัฐฯ จากการที่อิหร่านพยายามดำเนินโครงการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ ทำให้อิหร่านขาดรายได้ทางการค้า และชาวต่างชาติทยอยถอนการลงทุนออก
3.) ดองเวียดนาม (VND) ประเทศเวียดนาม : 26,057.338 VND/USD
- ค่าเงินอ่อนของเวียดนาม อาจไม่ได้สะท้อนว่าเศรษฐกิจอ่อนแอ แต่อาจเป็นนโยบายของรัฐที่ตั้งใจตรึงค่าเงินเพื่อส่งเสริมการส่งออกและการลงทุน เพราะสินค้าเวียดนามยังมีราคาถูกในตลาดโลก และเพื่อจูงใจต่างชาติมาตั้งโรงงาน
4.) ลีโอนเซียร์ราลีโอน (SLL) ประเทศเซียร์ราลีโอน 22,795.07 SLL/USD
- จากความไม่มั่นคงทางการเมืองหลายปีและโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
5.) กีบลาว (LAK) ประเทศลาว : 21,492.165 LAK/USD
- จากการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด เงินเฟ้อสูง และมีการใช้เงินตราต่างประเทศมากในระบบเศรษฐกิจ
6.) รูเปียห์อินโดนีเซีย (IDR) ประเทศอินโดนีเซีย : 16,226.335 IDR/USD
- จากวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชียในอดีต
7.) ซอมอุซเบกิสถาน (UZS) ประเทศอุซเบกิสถาน 12,669.918 UZS/USD
- ได้รับผลกระทบจากการควบคุมทางเศรษฐกิจที่เข้มงวด และการพึ่งพาภาคเกษตรมาก
8.) ฟรังก์กินี (GNF) ประเทศกินี : 8,650.295 GNF/USD
- เศรษฐกิจชะลอตัวและความไม่แน่นอนทางการเมือง เช่น รัฐประหารหรือความวุ่นวายทางการเมือง
9.) กวารานีปารากวัย (PYG) ประเทศปารากวัย : 7,977.616 PYG/USD
- เศรษฐกิจต้องพึ่งพาภาคการเกษตรสูง
10.) อาเรียรีมาลากาซี (MGA) ประเทศมาดากัสการ์ : 4,483.496 MGA/USD
- ความไม่แน่นอนทางการเมือง และการพึ่งพาการส่งออกวานิลลาอย่างมากส่งผลให้เกิดความอ่อนไหวต่อราคา
บทสรุป
สกุลเงินที่มีมูลค่าต่ำที่สุดในโลกมักสะท้อนถึงปัญหาทางเศรษฐกิจ การเมือง และเงินเฟ้อภายในประเทศ การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินจึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่บ่งบอกถึงเสถียรภาพของประเทศนั้นๆ แต่ค่าเงินที่ต่ำก็ไม่ได้แปลว่าเศรษฐกิจไม่ดีเสมอไป เช่น ในกรณีของเวียดนาม ดองมีค่าน้อยแต่เศรษฐกิจยังเติบโตดี และกลับเป็นผลดีต่อการส่งออกเป็นอย่างมาก ดังนั้นต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆควบคู่กันไปด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- https://www.xe.com/