ในการเทรด Forex หนึ่งในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ CFD หรือ Contract for Difference ซึ่งเปิดโอกาสให้นักเทรดสามารถทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้นจริง บทความนี้จะพาคุณไปเข้าใจลึกเกี่ยวกับ CFD ว่าคืออะไร ทำงานอย่างไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร และเหมาะกับใครในการลงทุนในตลาด Forex
ความหมายของ CFD (Contract for Difference)
CFD คือสัญญาซื้อขายส่วนต่างของราคาสินทรัพย์ระหว่างเวลาที่เปิดสัญญาและเวลาที่ปิดสัญญา กล่าวคือ คุณทำกำไรหรือขาดทุนจากส่วนต่างของราคานั้นโดยไม่จำเป็นต้องถือครองสินทรัพย์จริง เช่น ไม่ต้องถือครองสกุลเงิน ทองคำ หรือหุ้นจริง แต่สามารถเก็งกำไรจากการขึ้นลงของราคาสินทรัพย์เหล่านี้ได้ผ่านแพลตฟอร์มของโบรกเกอร์
การทำงานของ CFD ในตลาด Forex
ในการเทรด Forex ผ่าน CFD นักลงทุนจะเลือกเปิด สถานะ Buy (Long) หากเชื่อว่าราคาจะขึ้น และเปิด สถานะ Sell (Short) หากคาดว่าราคาจะลง เมื่อปิดสัญญา ระบบจะคำนวณผลต่างของราคาซื้อและราคาขาย และแสดงผลกำไรหรือขาดทุนทันทีในบัญชีเทรดของคุณ
ยกตัวอย่างเช่น
หากคุณเปิด Buy ที่ EUR/USD ที่ 1.1000 แล้วราคาขึ้นไปถึง 1.1050 ก่อนคุณปิดสัญญา จะได้กำไรจากส่วนต่าง 50 pip (ขึ้นอยู่กับขนาด Lot ที่ใช้)
การเทรด CFD มี Leverage
Leverage ในการเทรด CFD ช่วยให้คุณสามารถเปิดสถานะซื้อขายขนาดใหญ่ได้ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียงเล็กน้อย ซึ่งเรียกว่า “Margin” หรือเงินประกัน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คุณเพียงแค่วางเงินบางส่วนของมูลค่าการเทรดทั้งหมดเพื่อให้ได้สิทธิ์เข้าถึงมูลค่าการลงทุนเต็มจำนวน
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ กำไรและขาดทุนของคุณจะถูกคำนวณจากมูลค่าการลงทุนทั้งหมด ไม่ใช่แค่เงิน Margin ที่คุณวางไว้ ซึ่งหมายความว่าทั้งโอกาสในการได้กำไรและความเสี่ยงในการขาดทุนจะถูกขยายออกไปตามขนาดของ Leverage ที่ใช้
ตัวอย่าง Leverage ใน Forex
สมมติว่า คุณต้องการเทรดคู่สกุลเงิน EUR/USD โดยที่ราคาปัจจุบันคือ 1.1000 และคุณต้องการเปิด Position ขนาด 1 Lot (ซึ่งมีมูลค่าเท่ากับ 100,000 หน่วยของสกุลเงินแรก – ในที่นี้คือยูโร)
ถ้าคุณไม่มี Leverage เลย คุณจะต้องใช้เงินทุนเต็ม 100,000 ยูโร เพื่อเปิดการเทรดนี้
แต่ถ้าคุณใช้ Leverage 1:100
คุณจะต้องวางเงินประกัน (Margin) เพียง:
100,000 ÷ 100 = 1,000 ยูโร
แปลว่า:
คุณสามารถควบคุม Position มูลค่า 100,000 ยูโร ด้วยเงินเพียง 1,000 ยูโรเท่านั้น
แล้วถ้าราคาขยับจะเป็นยังไง?
-
หากราคาขยับจาก 1.1000 ไป 1.1050 (ขึ้น 50 pip)
-
1 Lot ของ EUR/USD มีมูลค่า ~10 USD ต่อ pip
-
คุณจะได้กำไร: 50 pip × $10 = $500
จากเงินลงทุนแค่ 1,000 ยูโร คุณทำกำไร $500 หรือประมาณ 50% เลยทีเดียว
แต่ถ้าราคาลงล่ะ?
ถ้าราคาลงจาก 1.1000 ไป 1.0950 (ลง 50 pip)
คุณจะขาดทุน $500 เช่นกัน
นั่นแหละคือ Leverage:
มันช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไร แต่ก็ ขยายความเสี่ยง อย่างชัดเจน
ข้อดีของการเทรด CFD
- ไม่ต้องถือสินทรัพย์จริง สามารถเข้าซื้อขายได้ง่ายผ่านแพลตฟอร์มเทรด
- เทรดได้ทั้งขาขึ้นและขาลง เปิดสถานะได้ทั้ง Buy และ Sell
- ใช้ Leverage ได้ ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรแม้มีทุนไม่มาก
- ตลาดเปิด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะในตลาด Forex ที่สามารถเทรดได้ตลอดวันจันทร์ถึงศุกร์
- เข้าถึงสินทรัพย์หลากหลาย ไม่จำกัดเฉพาะคู่เงิน Forex ยังรวมถึงทองคำ น้ำมัน ดัชนี หุ้น และคริปโต
ข้อเสียและความเสี่ยงของ CFD
- ความเสี่ยงสูงจาก Leverage แม้จะเพิ่มโอกาส แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนได้เช่นกัน
- ค่าธรรมเนียมการถือครอง (Swap) โดยเฉพาะหากถือข้ามคืน อาจมีค่าธรรมเนียมสะสมสูง
- ต้องพึ่งพาโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือ เพราะ CFD เป็นตราสาร OTC ที่ไม่มีการซื้อขายผ่านตลาดกลาง
- ความผันผวนของราคา ทำให้เกิด Stop Out หรือ Margin Call ได้ง่ายหากไม่มีการบริหารความเสี่ยงที่ดี
ใครเหมาะกับการเทรด CFD
- เทรดเดอร์ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการเทรดทั้งขาขึ้นและขาลง
- ผู้ที่มีทุนไม่มากแต่ต้องการใช้ Leverage เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไร
- นักเทรดระยะสั้น เช่น Scalper หรือ Day Trader ที่ไม่ถือสถานะนาน
- ผู้ที่ต้องการเข้าถึงหลากหลายตลาดจากแพลตฟอร์มเดียว
สรุป
CFD คือหนึ่งในเครื่องมือการลงทุนที่มีศักยภาพสูงในการทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาในตลาด Forex และตลาดการเงินอื่น ๆ แม้จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะการบริหารความเสี่ยงและการเลือกโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือ หากคุณสามารถเข้าใจกลไกและวางแผนการเทรดอย่างเป็นระบบ CFD จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในตลาด Forex ได้อย่างมั่นคง