Highlight
- กองทุน FTMO คือบริษัท Prop Trading (Proprietary Trading Firm) ที่เปิดโอกาสให้เทรดเดอร์ใช้เงินทุนของบริษัทเพื่อเทรด หลังผ่านการทดสอบ FTMO Challenge
- ประเภทบัญชีของ FTMO มีบัญชีให้เลือกตั้งแต่ $10,000 ถึง $200,000 โดยแต่ละระดับก็จะมีเป้ากำไร ข้อจำกัดการขาดทุนที่แตกต่างกัน
- กฎหลักๆของ FTMO ที่ต้องให้ความสำคัญคือ ห้ามขาดทุนเกิน 5% ต่อวัน และ 10% รวมตลอดช่วงทดสอบ รวมถึงต้องเทรดอย่างน้อย 4 วันในแต่ละ Phase เพื่อผ่านการประเมิน
- FTMO รองรับการเทรดหลายแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็น MT4 , MT5 , cTrader และ DXtrade ซึ่งแต่ละตัวมีจุดเด่นต่างกัน
กองทุน FTMO คืออะไร?
- FTMO คือบริษัท Prop Trading (Proprietary Trading) ระดับโลกที่เปิดโอกาสให้เทรดเดอร์ที่มีความสามารถสามารถเทรดด้วยเงินทุนของบริษัท หลังจากผ่านกระบวนการคัดเลือกที่เรียกว่า “FTMO Challenge” นั่นเองครับ
- สรุปง่ายๆเลยคือ ถ้ามีกลยุทธ์การเทรดที่มีประสิทธิภาพและสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้ดี ก็จะมีสิทธิ์เข้าถึงบัญชีเทรดที่มีเงินทุนจำนวนมากกว่าเดิม
จากแนวคิดสู่ผู้นำแห่งวงการ Prop Trading ที่เปลี่ยนโลกการเทรด
- ในโลกที่การเทรดออนไลน์เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังคงมีกำแพงใหญ่ที่ขวางกั้นความสำเร็จของเทรดเดอร์จำนวนมาก นั่นคือ “เงินทุน” เทรดเดอร์จำนวนไม่น้อยที่มีพรสวรรค์และกลยุทธ์การเทรดที่ยอดเยี่ยม กลับต้องหยุดชะงักเพราะขาดเงินทุน
- จากปัญหาที่เห็นชัดเจนนี้เอง ที่ได้จุดประกายแนวคิดให้ Martin และ Otakar สองผู้ก่อตั้งชาวเช็ก ซึ่งเป็นอดีตนักเทรดที่มีประสบการณ์ ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทที่ชื่อว่า FTMO ขึ้นมา
เจาะลึก Challenge อ่านจบเข้าใจแน่นอน
ก่อนที่เราจะเจาะลึกไปแต่ละบัญชี เรามาทำความรู้จักกับคำเหล่านี้กันก่อนครับ
- Profit Taret: เป้าหมายการทำกำไรของบัญชี
- Maximum Daily Loss: จุดที่ห้ามขาดทุนเกิน ของเงินทุนเริ่มต้นในแต่ละวัน
- Maximum Loss: จุดที่ห้ามขาดทุนรวมเกินของเงินทุนเริ่มต้นบัญชี ตลอด Challenge
1. บัญชี $10,000
บัญชี $10,000 มีเป้าหมายการทำกำไรอยู่ที่ $1,000 ขาดทุนได้สูงสุด $1,000
- เหมาะสำหรับ: เทรดเดอร์มือใหม่ หรือเทรดเดอร์ที่ต้องการเริ่มต้นด้วยความเสี่ยงต่ำ เพื่อทำความเข้าใจระบบและฝึกฝนวินัย
- ค่าสมัคร: $102.93
- Phase 1: FTMO Challenge (เป้าหมาย 10%)
- Profit Target: $1,000
- Maximum Daily Loss: $500
- Maximum Loss: $1,000
- Phase 2: Verification (เป้าหมาย 5%)
- Profit Target: $500
- Maximum Daily Loss: $500
- Maximum Loss: $1,000
2. บัญชี $25,000
บัญชี $25,000 มีเป้าหมายการทำกำไรอยู่ที่ $2,500 ขาดทุนได้สูงสุด $2,500
- เหมาะสำหรับ: เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ระดับหนึ่ง ที่ต้องการเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
- ค่าสมัคร: $289.12
- Phase 1: FTMO Challenge (เป้าหมาย 10%)
- Profit Target: $2,500
- Maximum Daily Loss: $1,250 USD
- Maximum Loss: $2,500 USD
- Phase 2: Verification (เป้าหมาย 5%)
- Profit Target: $1,250 USD
- Maximum Daily Loss: $1,250
- Maximum Loss: $2,500
3. บัญชี $50,000
บัญชี $50,000 มีเป้าหมายการทำกำไรอยู่ที่ $5,000 ขาดทุนได้สูงสุด $5,000
- เหมาะสำหรับ: เทรดเดอร์ที่มีความมั่นใจในกลยุทธ์และวินัยของตนเองแล้ว
- ค่าสมัคร: $398.98
- Phase 1: FTMO Challenge (เป้าหมาย 10%)
- Profit Target: $5,000
- Maximum Daily Loss: $2,500
- Maximum Loss: $5,000
- Phase 2: Verification (เป้าหมาย 5%)
- Profit Target: $2,500
- Maximum Daily Loss: $2,500
- Maximum Loss: $5,000
4. บัญชี $100,000
บัญชี $100,000 มีเป้าหมายการทำกำไรอยู่ที่ $10,000 ขาดทุนได้สูงสุด $10,000
- เหมาะสำหรับ: เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์สูง มีความชำนาญในการบริหารความเสี่ยงและจิตวิทยาการเทรดเป็นอย่างดี
- ค่าสมัคร: $624.50
- Phase 1: FTMO Challenge (เป้าหมาย 10%)
- Profit Target: $10,000
- Maximum Daily Loss: $5,000
- Maximum Loss: $10,000
- Phase 2: Verification (เป้าหมาย 5%)
- Profit Target: $5,000
- Maximum Daily Loss: $5,000
- Maximum Loss: $10,000
5. บัญชี $200,000
บัญชี $200,000 มีเป้าหมายการทำกำไรอยู่ที่ $20,000 ขาดทุนได้สูงสุด $20,000
- เหมาะสำหรับ: เทรดเดอร์มืออาชีพที่ต้องการศักยภาพในการทำกำไรสูงสุดตั้งแต่เริ่มต้น
- ค่าสมัคร: $1,249
- Phase 1: FTMO Challenge (เป้าหมาย 10%)
- Profit Target: $20,000
- Maximum Daily Loss: $10,000
- Maximum Loss: $20,000
- Phase 2: Verification (เป้าหมาย 5%)
- Profit Target: $10,000
- Maximum Daily Loss: $10,000
- Maximum Loss: $20,000
เปรียบเทียบกันแบบหมัดต่อหมัด
ตารางเปรียบเทียบจำนวน กำไร / ขาดทุน ได้สูงสุดต่อวัน
กฎหลักของ FTMO ดูให้ดีระวังพอร์ตหาย!
- Maximum Daily Loss “หัวใจหลักของวินัย”: ห้ามขาดทุนเกิน 5% ของ ยอดเงินเริ่มต้นของบัญชี ในแต่ละวัน
- Maximum Loss “การขาดทุนสูงสุดรวม”: ห้ามขาดทุนรวมทั้งหมด (รวมกำไร/ขาดทุนที่ยังไม่ปิด) เกิน 10% ของยอดเงินเริ่มต้นของบัญชี
- FTMO จะตรวจสอบยอด Equity (ยอดเงินในบัญชีรวมกำไร/ขาดทุนที่ยังไม่ปิด) ตลอดเวลา และยึดเอาค่าที่ต่ำที่
- ยกตัวอย่างเช่นถ้ามีบัญชี $100,000 USD Maximum Loss คือ $10,000 (10% ของ $100,000)
- ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ Equity ในบัญชีลดลงไปต่ำกว่า $90,000 ($100,000 – $10,000) ระบบจะปิดพอร์ตทันที
- Profit Target “บทพิสูจน์ความสามารถ”
- Phase 1 (FTMO Challenge): ต้องทำกำไรให้ได้ 10%
- Phase 2 (Verification): ต้องทำกำไรให้ได้ 5%
- Minimum Trading Days “จำนวนวันเทรดขั้นต่ำ”: ต้องเทรดอย่างน้อย 4 วัน ในแต่ละ Phase
- Hedging บัญชีอื่น: การเปิดออเดอร์ตรงข้ามกับบัญชี FTMO ในโบรกเกอร์อื่น หรือบัญชี FTMO อื่น
- การใช้โปรแกรมที่ทำกำไรผิดปกติ: เช่น โปรแกรมที่ส่งคำสั่งซื้อขายจำนวนมากในเวลาอันสั้นเพื่อหาประโยชน์จากความผิดปกติของ Server
แพลตฟอร์มเทรดต่างๆของทาง FTMO
1. MetaTrader 4 (MT4) “คลาสสิก”
มีแพลตฟอร์มการเทรดผ่าน MT4
- จุดเด่นของ MT4
- ใช้งานง่ายและคุ้นเคย: อินเทอร์เฟซเรียบง่าย เข้าใจง่าย เหมาะกับมือใหม่ และเป็นที่คุ้นเคยของเทรดเดอร์ทั่วโลก
- เสถียรภาพสูง: ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความเสถียรและเชื่อถือได้
- รองรับ EA (Expert Advisors) และ Indicators จำนวนมาก: มีคลังเครื่องมืออัตโนมัติและตัวช่วยวิเคราะห์ทางเทคนิคขนาดใหญ่ที่สุดในตลาด
- ข้อจำกัด
- เน้นการเทรด Forex และ CFD เป็นหลัก อาจมีข้อจำกัดในการเทรดสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ
- ฟังก์ชันการวิเคราะห์เชิงลึกอาจไม่ซับซ้อนเท่าแพลตฟอร์มรุ่นใหม่กว่าอย่าง MT5
2. MetaTrader 5 (MT5) “ทันสมัย”
มีแพลตฟอร์มการเทรดผ่าน MT5
- จุดเด่นของ MT5
- ฟังก์ชันการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งกว่า: มี Timeframes ให้เลือกถึง 21 แบบ, Indicators และ Graphic Objects มากขึ้น, รวมถึง Depth of Market (DOM)
- รองรับกลยุทธ์การเทรดขั้นสูง: เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์ซับซ้อนและต้องการข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น
- Multithreaded Strategy Tester: ทดสอบ EA ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงกว่า MT4
- ข้อจำกัด
- EA และ Indicators ที่สร้างมาสำหรับ MT4 ไม่สามารถใช้งานร่วมกับ MT5 ได้โดยตรง
- ผู้ที่คุ้นเคยกับ MT4 อาจต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และปรับตัวเล็กน้อยกับอินเทอร์เฟซและฟังก์ชันที่เพิ่มขึ้น
3. cTrader “เรียบง่าย”
มีแพลตฟอร์มการเทรดผ่าน cTrader
- จุดเด่นของ cTrader
- อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและทันสมัย: ออกแบบมาให้เรียบง่าย สะอาดตา
- รองรับ cBots (EA ของ cTrader) และ Copy Trading: สามารถพัฒนาและใช้งานกลยุทธ์อัตโนมัติ
- ความเร็วในการประมวลผลสูง: เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการความเร็วในการส่งคำสั่งเพื่อการ Scalping หรือเทรดช่วงข่าว
- ข้อจำกัด
- จำนวน Indicators และ cBots อาจไม่หลากหลายเท่า MT4 หรือ MT5 แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป
- ชุมชนผู้ใช้งานอาจไม่ใหญ่เท่าแพลตฟอร์ม MetaTrader ทำให้การหาข้อมูลหรือขอความช่วยเหลืออาจมีข้อจำกัดบ้าง
4. DXtrade “ยืดหยุ่น”
มีแพลตฟอร์มการเทรดผ่าน DXtrade
- จุดเด่นของ DXtrade
- ปรับแต่งได้สูง: ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเลย์เอาต์, วิดเจ็ต, และฟังก์ชันการทำงานต่างๆ ได้ตามความต้องการ
- เครื่องมือวิเคราะห์ในตัวและฟังก์ชันแจ้งเตือนที่ยอดเยี่ยม: มีเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคและกราฟิกที่เพียงพอต่อการใช้งาน
- ข้อจำกัด
- เป็นแพลตฟอร์มที่ค่อนข้างใหม่ อาจยังไม่มี EA หรือ Indicators สำเร็จรูปให้เลือกใช้มากเท่าแพลตฟอร์มรุ่นเก่ากว่า
- ชุมชนผู้ใช้งานอาจยังไม่ใหญ่เท่าแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมานาน
บริการของ FTMO
1. Starter ก้าวแรก สู่การเรียนรู้
Starter เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของเทรดเดอร์หน้าใหม่
นี่คือจุดเริ่มต้นสำหรับทุกคนที่สนใจ FTMO สามารถเข้าถึงเครื่องมือพื้นฐานและแหล่งความรู้ได้ฟรี โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่าย
- FTMO Academy: คลังความรู้ขนาดใหญ่ที่รวบรวมบทความและวิดีโอเกี่ยวกับการเทรดทุกระดับ ตั้งแต่พื้นฐาน Forex ไปจนถึงจิตวิทยาและกลยุทธ์ขั้นสูง
- Economic Calendar: ปฏิทินเศรษฐกิจระดับโลก
- FTMO Discord: ชุมชนออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สามารถเชื่อมต่อกับเทรดเดอร์คนอื่นๆ แลกเปลี่ยนความรู้ และรับข่าวสารจาก FTMO โดยตรง
2. Free Trial ทดสอบฝีมือ ก่อนลงสนามจริง
Free Trial ช่วยให้พัฒนาฝีมือเทรดได้มากขึ้น
บัญชีทดลองฟรีที่จำลองสภาวะและกฎเกณฑ์ของ FTMO Challenge จริง ช่วยประเมินความพร้อมและทำความคุ้นเคยกับระบบ โดยไม่มีความเสี่ยงทางการเงิน
- Account MetriX: เข้าถึงแพลตฟอร์มวิเคราะห์ประสิทธิภาพการเทรดขั้นสูงที่แสดงสถิติต่างๆ เช่น Equity Curve, Win Rate, Drawdown เพื่อวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนของกลยุทธ์
- Trading Journal: บันทึกและทบทวนการเทรดแต่ละครั้งอย่างละเอียด พร้อมแนบสกรีนช็อต เพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์
3. FTMO Challenge พิสูจน์ศักยภาพ สู่การเป็นมืออาชีพ
FTMO Challenge เป็นเหมือนบททดสอบ สู่การเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ
นี่คือขั้นตอนหลักที่จะต้องชำระค่าธรรมเนียมเพื่อเข้าร่วม และเป็นบททดสอบสำคัญ 2 Phase (Challenge และ Verification)
- บัญชี Challenge & Verification: ได้รับบัญชี Demo ที่จำลองตลาดจริง (Real Market Data) ซึ่งต้องปฏิบัติตามกฎ Profit Target, Maximum Daily Loss, Maximum Loss, และ Minimum Trading Days อย่างเคร่งครัด
- Live MetriX: แพลตฟอร์มวิเคราะห์ผลการเทรดแบบเรียลไทม์ที่แสดงสถานะของบัญชีอย่างละเอียด ช่วยให้ติดตามความคืบหน้าและควบคุมความเสี่ยงได้ตลอดเวลา
- Mentor App: แอปพลิเคชันผู้ช่วยส่วนตัวที่สามารถตั้งค่ากฎการเทรดส่วนตัว และแจ้งเตือนเมื่อเข้าใกล้ขีดจำกัดความเสี่ยง ช่วยเสริมสร้างวินัยการเทรด
- Quick Trade Manager: EA สำหรับ MT4/MT5 ที่ช่วยให้เปิด/ปิดออเดอร์, ตั้ง SL/TP และบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
- NEWS Indicator: อินดิเคเตอร์สำหรับ MT4/MT5 ที่แสดงเหตุการณ์ข่าวสำคัญบนกราฟโดยตรง ช่วยให้วางแผนการเทรดรอบข่าวได้อย่างชาญฉลาด
- ชุดเครื่องมือวิเคราะห์และคำนวณ
- Statistical App
- Calculators (Position Size, Pivot Point, Fibonacci)
- FTMO Renko (กราฟ Renko) เพื่อสนับสนุนการวิเคราะห์เชิงลึกและการตัดสินใจ
4. FTMO Trader รางวัลแห่งความสำเร็จ
เมื่อผ่าน Challenge แล้วก็จะกลายเป็น FTMO เทรดเดอร์นั่นเอง
เมื่อผ่านทั้ง FTMO Challenge และ Verification ได้สำเร็จจะก้าวเข้าสู่สถานะ FTMO Trader และได้รับบัญชีเทรดที่ใช้เงินทุนของบริษัท พร้อมโอกาสในการสร้างรายได้ที่มั่นคง
- บัญชี Funded: ได้รับบัญชีที่มีขนาดเงินทุนตามที่เลือกใน Challenge ซึ่งใช้เงินทุนของ FTMO ในการเทรดจริง
- Profit Split (แบ่งปันกำไร): จะได้รับส่วนแบ่งกำไรเริ่มต้นที่ 80% ของกำไรที่ทำได้ และมีโอกาสเพิ่มเป็น 90%
- ค่าธรรมเนียม Challenge คืน: FTMO จะคืนค่าธรรมเนียม Challenge ที่จ่ายไปเต็มจำนวน พร้อมกับการถอนกำไรครั้งแรก
- Performance Coaches: เข้าถึงบริการโค้ช (อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับบางบริการ) เพื่อช่วยพัฒนาจิตวิทยาการเทรดและประสิทธิภาพโดยรวมอย่างลึกซึ้ง
- มีอิสระในการเทรด: มีความยืดหยุ่นมากขึ้น (เช่น ไม่มี Minimum Trading Days) แต่ยังคงต้องรักษาการบริหารความเสี่ยงตามกฎหลักของ FTMO
บทสรุปสำหรับ FTMO
FTMO คือบริษัท Prop Trading ระดับโลกที่เปิดโอกาสให้เทรดเดอร์ใช้เงินทุนของบริษัทในการเทรด หลังจากผ่านการคัดเลือกผ่านระบบ FTMO Challenge เทรดเดอร์ที่ผ่านจะได้รับบัญชีเทรดจริงพร้อมส่วนแบ่งกำไรสูงถึง 90% พร้อมเครื่องมือสนับสนุน เช่น MetriX, Mentor App และสถิติเชิงลึกต่างๆ เรียกได้ว่าการสอบกองทุน FTMO เป็นอีกหนึ่งโอกาสดีสำหรับเทรดเดอร์ที่มีทุนน้อย
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ftmo กับ mff ต่างกันอย่างไร: https://forexbrokerking.com/ftmo-vs-mff/
- FTMO คืออะไร เงื่อนไขการสอบ: https://forexbrokerking.com/ftmo/
- Hedge คืออะไร? เทคนิคป้องกันความเสี่ยง: https://forexthai.in.th/hedge-forex/
- cTrader คืออะไร? เทรดดีกว่า MetaTrader จริงไหม: https://thaibrokerforex.com/c-trader/
- MT4 คืออะไร? (MetaTrader 4): https://forexthai.in.th/mt4/
- MT5 คืออะไร? ดีกว่า MT4 ไหม?: https://forexthai.in.th/mt5-vs-mt4/