Highlight
- POI สรุปง่ายๆเลยคือจุดที่น่าสนใจในกราฟ ซึ่งมักจะเป็นจุดที่มี แรงซื้อหรือแรงขายสะสมอยู่มาก
- ยกตัวอย่าง POI เช่น จุดที่มี Order Block , การที่ราคา Break Of Structure , Trend Line หรือจะเป็นการตี Fibonacci
- ทริคการใช้ POI ให้แม่นยำมากขึ้นคือการใช้หลาย Timeframe ไว้ก่อนและขยันเช็คให้ดีก่อนเข้าเทรด
- ตลาด Forex ไม่มีความแน่นอน 100% บางครั้งจุด POI อาจเป็น False Signal และทำให้ราคากลับตัวผิดทาง
POI คืออะไรทำไมใครๆ ก็พูดถึง?
- POI หรือ Point of Interest แปลตรงตัวว่า “จุดที่น่าสนใจ” ในโลกของ Forex POI หมายถึง โซนหรือจุดบนกราฟที่มีความสำคัญสูงมาก
- มักเป็นจุดที่มีแรงซื้อหรือแรงขายสะสมอยู่ หรือเป็นจุดที่มีแนวโน้มจะเกิด การเปลี่ยนเทรนด์ , Breakout หรือ Reversal
ประโยชน์ของ POI
- โฟกัสเฉพาะจุดสำคัญ: ไม่ต้องเฝ้ากราฟทั้งวัน รอราคามาถึง POI แล้วค่อยตัดสินใจ
- เพิ่มโอกาสทำกำไร: POI คือจุดที่มีโอกาสทำกำไรสูงเทรดใกล้ POI = โอกาส Win Rate สูงขึ้น
- วาง SL/TP แม่นยำ: POI ช่วยให้สามารถตั้ง Stop Loss(SL) และ Take Profit(TP) ได้แม่นยำ
- ช่วยอ่านพฤติกรรม Smart Money: POI ช่วยให้เห็นว่า Smart Money กำลังทำอะไร เข้าใจการ “สะสมออเดอร์”
- ใช้ร่วมกับเทคนิคอื่นได้ดี: ใช้ POI ควบคู่กับเทคนิคอื่นๆได้ด้วย เช่น SMC, Fibonacci หรือ Trendline
ประเภทของ POI จุดสำคัญที่เทรดเดอร์ต้องรู้!
Order Block (OB) จุดสะสมพลังที่จะทำให้ราคาพุ่ง!
Order Block คือโซนที่ราคามักสะสมออเดอร์ไว้ก่อนจะเกิดการเคลื่อนไหวที่รุนแรง
- Order Block คือโซนที่ราคามักจะสะสมออเดอร์ไว้ก่อนที่จะเกิดการเคลื่อนไหวใหญ่ๆ ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการจับจังหวะการซื้อขายที่มีความน่าสนใจสุดๆ
- เรามักจะเห็น แท่งเทียนใหญ่ๆ แสดงถึงการสะสมออเดอร์อย่างหนัก จนเมื่อราคาทะลุออกไปจากโซนนั้นมันจะทำให้เกิดการวิ่งที่เร็วและรุนแรง
- เทคนิคการเทรดด้วย Order Block ที่ดีคือการรอให้เกิด Break of Structure ก่อนและเป็นจุดที่ใกล้กับแนวรับแนวต้านถึงจะเป็นจุดเข้าเทรดที่ดี
Break of Structure (BOS) สัญญาณบอกว่ามีการเปลี่ยนเทรนด์
Break Of Structure คือการที่ราคาทะลุ High หรือ Low เดิมนั่นเอง
- Break of Structure (BOS) คือการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างของราคาหลังจากที่มันทะลุ High หรือ Low ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
- การจับจังหวะ BOS จะช่วยให้เราเข้าใจว่า “เทรนด์นี้ยังไปได้ไหม?” หรือ “ถึงเวลาที่จะพลิกกลับแล้วหรือยัง?”
Fibonacci Retracement จุดย้อนกลับที่ไม่ควรมองข้าม
การตี Fibonacci คือการหาจุดที่ราคามีโอกาสจะกลับตัวในโซนนั้น
- Fibonacci Retracement คือเครื่องมือที่ใช้หาจุดกลับตัว (retracement) ของราคาในเทรนด์
- มักใช้ ระดับ Fibonacci เช่น 23.6%, 2%, 50%, 61.8% เพื่อหาจุดเข้าซื้อหรือขาย
- ประโยชน์: ช่วยจับจังหวะกลับตัวในแนวโน้มที่ยังไม่หมดแรง
- การใช้งาน: ใช้ Fibonacci กับ POI อื่นๆ อย่าง OB หรือ BOS เพื่อเพิ่มความแม่นยำ
Trendline แนวรับ/แนวต้านที่ไม่ควรพลาด
การตี Trendline ทำให้ช่วยสังเกตจุดที่ราคามีการพักตัวและเป็นจุดที่มีโอกาสทำกำไร
- Trendline คือเส้นที่ลากผ่านจุดสูงสุดหรือต่ำสุดของราคา เพื่อแสดงทิศทางของเทรนด์
- ใช้ Trendline เพื่อเช็กว่า POI ของเราอยู่ในแนวโน้มที่ถูกต้องไหม หรือราคาจะทะลุ Trendline ไปไหม
- ถ้าราคาอยู่ในขาขึ้นแล้วมีการพักตัวที่ Trendline และ POI ของเราอยู่ใกล้ๆ ด้วย โอกาสที่ราคาจะพุ่งขึ้นไปอีกมีสูง!
ทริคการเทรดด้วย POI ให้แม่นยำมากขึ้น
1. เช็คหลาย Timeframe อย่าดูแค่กราฟเดียว!
เช็คหลาย Timeframe ก่อนเข้าเทรดเพื่อให้สามารถเทรดได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
- เทรดเดอร์มือโปรจะไม่วิเคราะห์แค่กราฟเดียว แต่จะวิเคราะห์ภาพใหญ่ของกราฟทั้งหมดเพื่อหาเทรนด์และหาจุดเข้าเทรดที่ Timeframe เล็กลงมานั่นเอง
- ทำไมต้องดูหลาย Timeframe? เพราะกราฟ Timeframe ที่ใหญ่กว่าจะช่วยยืนยันว่า POI นั้นสำคัญจริงๆหรือแค่การเคลื่อนไหวเล็กน้อย
- คิดง่ายๆถ้า POI เกิดในกราฟใหญ่พร้อมการยืนยันจากกราฟเล็กนั่นคือ โอกาสทองในการทำกำไร นั่นเองครับ
2. ยืนยันด้วยเครื่องมืออื่น อย่าลืมทำการบ้าน!
ใข้ Indicator อื่นๆเพื่อเป็นตัวยืนยันความน่าเชื่อถือของจุด POI
- ใช้เครื่องมืออื่นๆ เช่น RSI หรือ MACD เพื่อตรวจสอบว่าราคามีการ Overbought หรือ Oversold หรือไม่
- Volume ก็สำคัญนะ! ถ้ามี Volume เยอะๆขณะราคามาถึง POI ก็ยิ่งทำให้แม่นยำมากขึ้น
- ทำไม Volume สำคัญ?: เมื่อราคาเข้า POI พร้อมกับ Volume สูง แสดงว่ามีความสนใจ ในจุดนั้นมากการที่ Volume สูงในช่วงนี้ยิ่งช่วยยืนยันความสำคัญของ POI และโอกาสที่ราคาจะ Breakout หรือ Reversal ก็จะเพิ่มมากขึ้น
- ตัวอย่าง
- ถ้าราคามาถึง POI และมี Volume ที่สูง ก็แปลว่า “ตลาดกำลังจะวิ่งต่อ” ด้วยความแรงเพราะมีการสะสมออเดอร์เยอะ
- ถ้าราคามาถึง POI แต่ Volume ต่ำ อาจแปลว่า “ตลาดยังไม่แน่ใจ” และราคาน่าจะ รีบาวด์กลับ หรือเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ
3. ใช้ Order Block เพื่อหาจุดเข้าเทรด
ใช้ Order Block เข้ามาช่วยในการหาจุดเข้าเทรดได้อย่างแม่นยำ
- OB เป็นการสะสมออเดอร์ในบริเวณที่มีความสำคัญมากในตลาด การจับ OB ร่วมกับ POI จะช่วยให้เรามั่นใจว่า ตลาดมีแรงที่พอจะทำให้ราคาวิ่งไปในทิศทางที่เราคาดไว้
- เมื่อโซน POI อื่นๆเช่นโซนการกลับตัวจาก Fiboncci และ OB มาใกล้กัน นั่นหมายถึงมีโอกาสที่สูงที่ราคาจะเคลื่อนไหวตามที่วิเคราะห์ไว้นั้นเองครับ
- จะเห็นได้ว่าการใช้ Order Block นั้นสามารถช่วยคัดกรองให้ออกออเดอร์ได้อย่างแม่นยำมากขึ้นนั่นเองครับ
4. ไม่เข้าเร็วเกินไป รอให้ราคามาถึงแล้วค่อยเข้า!
รอให้ราคากลับมาที่จุด POI ก่อนที่จะเข้าเทรดเพื่อรอจังหวะที่ดีที่สุด
- อย่าเพิ่งกระโดดเข้าออเดอร์ทันทีที่เห็น POI ต้องรอดูว่าราคา “แตะ” หรือ “กลับตัว” แบบไหน
- ถ้าราคาเข้า POI แล้วเกิด Engulfing Candle หรือ Pinbar แสดงว่าแรงขาย/ซื้อเริ่มมาแล้ว ถึงเวลาสนุก
- จากรูปจะเห็นได้ว่ากราฟมีการทดสอบจุด Order Block ก่อนจะกลับตัวไปอีกทาง
5. Backtest ทดสอบระบบเยอะๆ
อย่าลืม Backtest ระบบเทรดเพื่อทดสอบความแม่นยำ
- Backtest จะทดสอบช่วยให้เห็นว่าระบบเทรดทำงานได้ดีหรือไม่ ในสถานการณ์ต่างๆ
- เคล็ดลับ ทดสอบระบบการเทรดกับ POI ที่หลากหลายบนกราฟในช่วงเวลาแตกต่างกัน แล้วดูว่า ระบบเทรดนั้นสามารถใช้งานได้ดีไหม
- Backtest จะช่วยให้มั่นใจในกลยุทธ์การเทรดและช่วยลดความเสี่ยงในการเทรด
ข้อควรระวังของ POI
- ไม่ใช่ทุก POI ที่จะสำเร็จ: ตลาดไม่เคยมีความแน่นอน บางที POI อาจจะถูก “หลอก” หรือราคากลับตัวผิดทาง
- การยืนยันไม่พอ: อย่าเข้าออเดอร์เพียงแค่ POI อย่างเดียว ควรใช้เครื่องมือยืนยันเสมอ เช่น Fibo, RSI, MACD หรือ Volume เพื่อยืนยันทิศทาง
- POI อาจเป็น Fake Breakout: POI อาจเป็น Fake Breakout หรือ False Signal ที่หลอกให้เราติดดัก ถ้า POI ทะลุแล้วราคายังไม่วิ่งแรง อาจต้องรอให้เกิดการยืนยันก่อนเข้า
บทสรุปสำหรับ POI Forex
สรุปง่ายๆเลยว่า POI (Point of Interest) ในการเทรด Forex คือจุดที่สำคัญบนกราฟที่มี แรงซื้อหรือแรงขายสะสมเยอะมาก ซึ่งเป็นจุดที่ราคาจะ “วิ่งแรง” POI ทำให้เทรดเดอร์ไม่ต้องนั่งเฝ้ากราฟทั้งวัน แค่รอให้ราคามาถึง POI แล้วค่อยเข้าเทรด ความดีงามของ POI คือเพิ่มโอกาสทำกำไรแบบมหาศาลแต่อย่าลืมนะว่า POI ทุกจุดไม่ได้แม่นยำเสมอไป บางครั้งอาจจะเป็น False Signal ก็ได้ ดังนั้นควรเช็คหลาย Timeframe เพื่อมั่นใจว่า POI นั้นมีความสำคัญจริงๆ และอย่าลืม Money Management กันด้วยนะครับ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- Order Block Theory วิธีการซื้อขายของสถาบัน: https://forexthai.in.th/order-block-theory/
- SMC Smart Money Concept คืออะไร: https://forexbrokerking.com/smart-money-concept/
- Trend Line คืออะไร? เทคนิคการใช้ Trend Line เบื้องต้นสำหรับมือใหม่: https://forexthai.in.th/trend-lines/
- Fibonacci ใช้ยังไง ? เทคนิคทำกำไรแบบเข้าใจง่าย: https://forexthai.in.th/fibonacci-trading/