Highlight
- Weak Low และ Strong High คือการเพิ่มมิติจาก High และ Low เราไม่ได้แค่ดูว่าราคาไปถึงจุดไหน แต่ประเมินว่าจุดนั้นมีพลังแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ
- โดยจุด High และ Low สามารถแบ่งออกเป็น Strong และ Weak ได้อย่างละ 2 แบบ Strong คือจุดที่ แสดงถึงแรงซื้อหรือแรงขายที่แข็งแกร่งอย่างมีนัยสำคัญ ในทางตรงกันข้าม จุดที่เรียกว่า Weak คือจุดที่มักจะถูกทำลายได้ง่าย
- Weak Low และ Strong High เป็นเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยให้สามารถ อ่านแนวโน้มและคาดการณ์พฤติกรรมของราคาในอนาคต
- Smart Money ต้องการ Liquidity เพื่อให้สามารถออกออเดอร์ได้ Weak Highs และ Weak Lows คือแหล่งรวม Stop Loss ที่เป็นเหมือนเชื้อเพลิง ที่ทำให้สามารถออกออเดอร์ได้นั่นเอง
ความเป็นมาของแนวคิด Weak Low และ Strong High
แม้คำว่า “Weak Low”และ “Strong High” จะเป็นคำที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่มเทรดเดอร์ที่ใช้แนวคิด Smart Money Concept (SMC) และ ICT (Inner Circle Trader) แต่รากฐานของการวิเคราะห์โครงสร้างตลาดนั้นมีมาอย่างยาวนานมากๆ เรามาดูกันเลยครับ
- รากฐานจาก Dow Theory: คือแนวคิดการระบุ Higher Highs (HH), Higher Lows (HL), Lower Highs (LH) และ Lower Lows (LL) เพื่อระบุแนวโน้มนั้นมาจาก Dow Theory
- การพัฒนาสู่ SMC และ ICT: ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เทรดเดอร์และนักวิเคราะห์ได้นำแนวคิด Dow Theory มาต่อยอดและปรับปรุง โดยเพิ่มมิติของการของ High และ Low แต่ละจุด
- ซึ่งนำไปสู่การกำหนด “Weak” และ “Strong” เพื่อให้เทรดเดอร์สามารถระบุร่องรอยการเคลื่อนไหวของสถาบัน (Smart Money) ที่ส่งผลต่อโครงสร้างตลาดได้ดีขึ้น
- แนวคิดเหล่านี้ช่วยให้เทรดเดอร์มองเห็นว่าราคาจะเคลื่อนที่ไปทางไหนเพื่อ “เก็บสภาพคล่อง” ที่สะสมอยู่ที่ Weak High/Low
ประเภทของ High และ Low ในโครงสร้างตลาด
ไม่ใช่แค่ High ก็คือ High หรือ Low ก็คือ Low! ในโลกของ Market Structure จุดสูงสุดและต่ำสุดแต่ละจุดมี “บุคลิก” เฉพาะตัว ที่บอกใบ้ถึงพลังที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของราคา มาทำความรู้จักกับ 4 รูปแบบสำคัญที่จะทำให้อ่านตลาดได้เฉียบคมยิ่งขึ้น!
1. Strong High ยอดเขาที่แข็งแกร่ง
Strong High คือจุดที่ราคาทะลุขึ้นผ่านไปไม่ได้ง่ายๆ
- จุดสูงสุดที่ราคาลงมาแล้ว พุ่งทะลุจุดต่ำสุดเดิม (Low) ลงไปได้อย่างดุเดือด Change of Character (CHOCH) ที่บ่งบอกถึงการพลิกบทบาทของตลาด
- Strong High บอกอะไรเรา?
- แรงขายมหาศาล: นี่คือสัญญาณของ พลังงานการขายที่มหาศาล เป็นจุดที่ “Smart Money” หรือรายใหญ่ในตลาดออกแรงกดดันราคาลงมาอย่างหนัก
- แนวต้านที่เป็นเหมือนกำแพงเหล็ก: บ่งบอกว่าแนวต้านตรงนี้แข็งแกร่งมากๆ ราคาทะลุผ่านไปไม่ได้ง่ายๆ
- โอกาส Short ที่ดี: ในแนวโน้มขาลงที่แข็งแกร่ง Strong High คือจุดที่ตลาดมักจะ “เคารพ” ถ้าราคาย่อตัวกลับขึ้นไปทดสอบ อาจเป็นจุดเข้า Short ที่น่าสนใจ
- เมื่อราคาพุ่งกลับขึ้นไปทดสอบ Strong High นี้ มักจะถูกผลักดันกลับลงมาอีกครั้ง เพราะมันคือแนวต้านสำคัญที่ตลาดพยายามจะรักษาเอาไว้ในเทรนด์ขาลง
2. Weak High ยอดเขาที่รอวันถูกพิชิต
Weak High คือจุดที่สร้าง High ที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่สามารถสร้าง Lower Lows ใหม่ได้
- จุดสูงสุดที่ราคาลงมาแล้ว หมดแรง ไม่สามารถทำลาย Low ลงไปได้ หรือไม่สามารถทำ Lower Lows ใหม่ได้เลยหลังจากย่อตัวลงมา
- Weak High บอกอะไรเรา?
- เป้าหมายสภาพคล่อง: จุดนี้มักจะเป็นแหล่งรวมของ “Liquidity” หรือ Stop Loss ของเทรดเดอร์จำนวนมากที่ซ่อนอยู่
- แนวโน้มที่จะถูกกวาด: Weak High มีแนวโน้มสูงที่จะถูกราคาพุ่งขึ้นไป “Sweep Liquidity” หรือเก็บสภาพคล่องที่อยู่เหนือมัน
- Weak High คือเป้าหมายต่อไปที่ราคาจะพุ่งขึ้นไปเก็บสภาพคล่องที่อยู่เหนือมัน สร้าง Higher Highs ใหม่ หรือแม้แต่ในเทรนด์ขาลงที่เริ่มอ่อนแรง Weak High ก็อาจถูกกวาดล้างได้ง่ายๆ หากมีแรงซื้อกลับเข้ามา
3. Strong Low หุบเขาผู้พิทักษ์
Strong Low คือจุดที่ราคาไม่สามารถทะลุลงไปได้ เป็นเหมือนฐานที่แข็งแรง
- จุดต่ำสุดที่ราคาดีดตัวขึ้นไปแล้ว พุ่งทะลุจุดสูงสุดเดิม (High) ขึ้นไปได้อย่างชัดเจน (เกิด CHOCH)
- Strong Low บอกอะไรเรา?
- แรงซื้อที่มหาศาล: นี่คือสัญญาณของ พลังการซื้อที่มหาศาล เป็นจุดที่ “Smart Money” เข้ามาดันราคาขึ้นไปอย่างจริงจัง
- แนวรับเป็นเหมือนฐาน: บอกว่าแนวรับตรงนี้แข็งแกร่งราวกับฐานรากที่ไม่มีวันสั่นคลอน
- โอกาส Long ที่ดี: ในแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง Strong Low คือจุดที่ตลาดมักจะ “เคารพ” จุดนั้น
- เมื่อราคาลงกลับมาทดสอบ Strong Low นี้ มักจะถูกดีดกลับขึ้นไปอีกครั้ง เพราะมันคือแนวรับสำคัญที่ตลาดพยายามจะรักษาเอาไว้
4. Weak Low หุบเขาไร้ที่สิ้นสุด
Weak Low คือจุดที่สร้าง Low ต่ำลงมาเรื่อยๆ และไม่สามารถสร้าง Higher Highs ได้
จุดต่ำสุดที่ราคาดีดตัวขึ้นไปแล้ว หมดแรง ไม่สามารถทำลายจุดสูงสุดเดิม (High) ขึ้นไปได้ หรือไม่สามารถทำ Higher Highs ใหม่ได้เลยหลังจากดีดตัวขึ้นไป
- Weak Low บอกอะไรเรา?
- เป้าหมายสภาพคล่อง: จุดนี้ก็เป็นอีกแหล่งรวมของ Liquidity หรือ Stop Loss ของเทรดเดอร์จำนวนมากที่ซ่อนอยู่
- แนวโน้มที่จะถูกกวาด: Weak Low มีแนวโน้มสูงที่จะถูกราคาพุ่งลงไป “Sweep Liquidity” หรือเก็บสภาพคล่องที่อยู่ต่ำกว่ามัน
- Weak Low คือเป้าหมายต่อไปที่ราคาจะพุ่งลงไปเก็บสภาพคล่องที่อยู่ต่ำกว่า ในเทรนด์ขาลงจะถูกทำลายไปเรื่อยๆ เพื่อสร้าง Lower Lows ใหม่ หรือแม้แต่ในเทรนด์ขาขึ้นที่เริ่มอ่อนแรง Weak Low ก็อาจถูกกวาดได้ง่ายๆ
Weak Low และ Strong High ใช้ในการเทรดได้ยังไง?
จุด Strong Low / Strong High สามารถใช้เป็นจุดเข้าเทรดได้ แต่ก็ระวังจะโดนลากไปกิน SL กันนะ
- การยืนยันแนวโน้ม
- ในขาขึ้น: หากราคาสร้าง Strong Low ที่ผลักดันราคาไปทำ Higher Highs ได้ต่อเนื่อง แสดงว่าแนวโน้มยังแข็งแกร่ง มองหาโอกาส Long (ซื้อ)
- ในขาลง: หากราคาสร้าง Strong High ที่ผลักดันราคาไปทำ Lower Lows ได้ต่อเนื่อง แสดงว่าแนวโน้มยังแข็งแกร่ง มองหาโอกาส Short (ขาย)
- การหาจุดกลับตัว
- เมื่อราคาทำลาย Strong Low ในขาขึ้น หรือทำลาย Strong High ในขาลง (โดยมีแท่งเทียนปิดยืนยัน) ให้เตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม และอาจหาจุดเข้าเทรดสวนทาง
- การระบุเป้าหมายราคา
- เมื่ออยู่ในเทรนด์ขาขึ้น และเห็น Weak High อยู่ข้างหน้า ราคาอาจพุ่งขึ้นไป “Sweep Liquidity” เหนือ Weak High นั้น แล้วจึงย่อตัว หรือกลับทิศทาง
- ในทางกลับกัน ในเทรนด์ขาลง เมื่อเห็น Weak Low อยู่ข้างล่าง ราคาอาจลงไป “Sweep Liquidity” ใต้ Weak Low นั้น แล้วจึงเด้งกลับ หรือกลับทิศทาง
- การวาง Stop Loss และ Take Profit
- Stop Loss: ในออเดอร์ Long ควรวาง Stop Loss ไว้ใต้ Strong Low ที่เพิ่งสร้างขึ้นมา
- Stop Loss: ในออเดอร์ Short ควรวาง Stop Loss ไว้เหนือ Strong High ที่เพิ่งสร้างขึ้นมา
- Take Profit: อาจวางเป้าหมายกำไรไว้ที่ Weak High หรือ Weak Low ที่ราคาจะไป “เก็บสภาพคล่อง”
ทำไม Smart Money ถึงพุ่งเป้าไปที่ Weak High/Low?
Smart Money ต้องการ Liquidity เพื่อให้สามารถออกออเดอร์เลยต้องอาศัย SL ของเทรดเดอร์รายย่อยที่อยู่ตาม Weak High / Weak Low
ทีนี้มาถึงหัวใจของเรื่อง Smart Money หรือสถาบันการเงินขนาดใหญ่ ไม่สามารถเข้าหรือออกจากตำแหน่งการเทรดด้วยเงินจำนวนมหาศาลได้ง่ายๆ เหมือนรายย่อย พวกเขาต้องการ สภาพคล่องจำนวนมาก เพื่อให้สามารถออกออเดอร์ได้ และทำให้ราคา “ไม่ห่างกันมากเกินไป” นั่นเองครับ
- เมื่อ ต้องการ Buy: พวกเขาต้องการ “Sell-Side Liquidity” ซึ่งก็คือ Stop Loss ของคน Long ที่อยู่ใต้ “Weak Low”
- เมื่อ ต้องการ Sell: พวกเขาต้องการ “Buy-Side Liquidity” ซึ่งก็คือ Stop Loss ของคน Short ที่อยู่เหนือ “Weak High”
- ทำให้เทรดเดอร์บางคนมองเป็นการ “ล่า Stop Loss” ของเทรดเดอร์รายย่อยเพื่อเติมเต็มคำสั่งซื้อขายของ Smart Money ในราคาที่พวกเขาต้องการ
บทสรุปสำหรับ Weak Low Strong High
Weak Low และ Strong High คือหัวใจของการอ่าน Market Structure ที่ช่วยให้คุณมองเห็น “คุณภาพ” ของจุดสูงสุดและต่ำสุดบนกราฟ Weak Low และ Strong High บอกใบ้ถึงพลังงานที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังราคา ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ที่แข็งแกร่งหรืออ่อนแอ และยังเผยแผนการของ Smart Money ที่มักพุ่งเป้าไปที่จุด Weak เหล่านี้เพื่อ “กวาดสภาพคล่อง” การเข้าใจแนวคิดนี้จะยกระดับการวิเคราะห์และช่วยให้เทรดได้อย่างแม่นยำมากขึ้นแน่นอน
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ทฤษฎีดาว Dow Theory คืออะไร? ตำราเทรดคลาสสิกที่ยังใช้ได้ดีถึงปัจจุบัน: https://forexthai.in.th/understanding-dow-theory/
- SMC Smart Money Concept คืออะไร: https://forexbrokerking.com/smart-money-concept/
- นักเทรดแบบ Inner Circle Trader (ICT Concept) คืออะไร: https://forexbrokerking.com/inner-circle-trader/
- Liquidity Sweep ใน Forex คืออะไร?: https://forexbrokerking.com/liquidity-sweep-forex/